1794 12 Sep 2021
เชื่อว่า คนไทยไม่น้อย ณ เวลานี้ ล้วนอยากเห็นมุมมอง ทัศนะ หรือ บทวิเคคราะห์ ข้อเสนอทางออก ทางแก้ไข ปัญหา บ้านเมือง เศรษฐกิจจากทุกๆ ฝ่าย ที่ไม่ได้มีอคติ ที่ยืนอยู่บน สิทธิเสรีภาพ และ ผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะ พี่น้องชาวบ้าน คนยากคนจน
คำถามที่คนไทย ไม่น้อยอยากได้ยิน หรือ ยืนยันเสียงดังๆ ว่า ที่ผ่านมาตั้งแต่รัฐประหาร 2557 รัฐบาลมีความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหา ต่างๆ อย่างไร บ้าง ภายใต้การนำของ พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.และ นายกรัฐมนตรี
“ประเทศไทยภายใต้การรัฐประหารตั้งแต่ ปี 2557 โดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา แรกเริ่มอาศัยสถานการณ์บ้านเมืองที่กำลังวุ่นวายก่อรัฐประหาร จริงอยู่ในช่วงนั้นนับว่าสามารถกุมสภาพได้ แต่หลังจากนั้นพบว่า 6 ปี ที่รัฐบาล คสช. เข้ามาดูแลกิจการภายในประเทศ กลับทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำมากขึ้น ซึ่งโดยสภาวะวิสัยของทหารคือ การใช้อำนาจ สร้างการยอมรับ ดังนั้นจึงเห็นได้ว่า มาตรา 44 ถูกนำมาใช้มากที่สุดในประวัติศาสตร์การก่อรัฐประหารในประเทศไทย ซึ่งการบริหารประเทศแบบใช้ตัวเองเป็นศูนย์กลาง ยิ่งทำให้ประเทศเดินหน้าไม่เป็น ทุกกระทรวง ทบวง กรม ต้องรอคำสั่ง ไม่กล้าตัดสินใจ คนที่มีศักยภาพไร้ที่ยืน ประการสำคัญที่เห็นได้ชัด และทุกรัฐบาลก่อนหน้าไม่สามารถทำได้ คือ การกำหนดยุทธศาสตร์ และปรับแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อตอบสนองยุทธศาสตร์ที่วางไว้ โดยไม่สนใจคำครหา หรือวิพากษ์วิจารณ์ จากประชาชนในประเทศ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เกิดผลกระทบกับวิถีความเป็นอยู่ของประชาชน และสิ่งแวดล้อม ถูกหยิบยกขึ้นมาปัดฝุ่น และฉีดยาเร่งอย่างต่อเนื่อง มีการปรับแก้กฎหมาย เกือบ 100 ฉบับต่อวัน เพื่อเปิดทาง และส่วนหนึ่งเพื่อเตรียมความพร้อมปูทางก่อนจะลงจากตำแหน่ง และสร้างการยอมรับด้วยการยอมให้เกิดรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย
ต่อมาถึงแม้ว่าจะได้รัฐบาลที่มาจากการเลือก แต่ด้วยการเตรียมความพร้อมไว้รอบด้านในสมัย คสช. จึงทำให้ไม่เกินความคาดหมายที่ยังได้ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี และทำหน้าที่บริหารประเทศต่อ ถึงแม้กระบวนการเลือกตั้งที่ผ่านมาจะค้านสายตาของคนทั้งโลกก็ตาม
โดยส่วนตัวมองว่า 8 ปี ที่ผ่านมา ยังไม่เห็น ความสำเร็จด้านใดเป็นที่ประจักษ์ชัด ที่จะสามารถนำพาประเทศไปในทางที่ดีขึ้น มีเพียงภาพฝัน คิดว่า หาก มีโครงสร้างพื้นฐานที่ดีจะสามารถทำให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้นได้ ตามแผนพัฒนาภาคใต้ โดยสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จึงปรากฏเมกะโปรเจค ขนาดใหญ่ขึ้นมากมาย กระจายอยู่ทุกจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ อาทิเช่น 1) โครงข่ายการขนส่ง (ท่าเรือ สนามบิน รถไฟฟ้ารางคู่ คลองไทย ฯลฯ) 2) แหล่งน้ำ (เขื่อน อ่าง คลองผันน้ำ ฯลฯ) 3) ไฟฟ้า (ถ่านหิน นิวเคลียร์ ชีวมวล/ขยะ ฯลฯ) และ 4) ปิโตรเคมี (นิคมอุตสาหกรรม โรงกลั่น โรงแยกก๊าซ ฯลฯ) การส่งเสริมสนับสนุนโครงการต่างๆ มีทั้งในส่วนของรัฐและเอกชน ซึ่งหลายโครงการได้เคยถูกยกเลิกไปแล้ว แต่พบว่า 8 ปี ที่ผ่านมาโครงการต่างๆนั้นถูกปลุกคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง และเร่งให้เร็วขึ้น โดยไม่ฟังเสียงของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งแน่นอนผลที่ตามมาคือ ถึงแม้โครงการยังไม่เกิดแต่สร้างความแตกแยกให้กับชุมชน ผ่านกลุ่มทุนและนักการเมืองบางรายที่หวังผลประโยชน์”
ในกรณี ปัญหา ที่ทำงานอยู่ ปัญหาสำคัญคืออะไร คุณมีแนวคิดหรือทางแก้ไข อย่างไร ทั้งในเชิงนโยบายเร่งด่วน ระยะสั้น และระยะยาว
“ตัวอย่าง ประเด็นปัญหาเรื่องประมง ที่ดูเหมือนจะจริงจังในการแก้ปัญหา แต่ก็เพื่อต้องการแก้ปัญหา IUU ที่สหภาพยุโรปให้ใบเหลืองเท่านั้น พอหลังจากที่สหภาพยุโรปยกเลิกใบเหลือง ปัญหาเดิมๆ ก็เริ่มกลับมา เรือประมงพาณิชย์ที่ใช้เครื่องมือลาก คราด ปันไฟปลากะตัก ทั้งที่พิสูจน์ชัดว่าเป็นเครื่องมือที่ทำลายระบบนิเวศและสัตว์น้ำวัยอ่อน แต่ก็ยังสามารถออกทำการได้อย่างชอบธรรม และสามารถออกทำหารประมงได้ในตั้งแต่ 3 – 200 ไมล์ทะเล แต่ในขณะที่ประมงพื้นบ้าน ไม่เกิน 10 ตันครอส 85% ของเรือทั้งหมด ตาม พรก.ประมงปี 2558 และ 2560 ยังคงให้สามารถทำการประมงอยู่ที่ไม่เกิน 3 ไมล์ทะเล สำหรับเรือใหญ่ที่มีปัญหาไม่สามารถไปต่อได้ก็หันกลับมาสร้างเรือเล็กๆ แต่ยังคงใช้เครื่องมือที่ผิดกฎหมายและทำลายนิเวศอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญกลับพบว่ามีนายทุนและนักการเมืองในนามของพรรคพลังประชารัฐบางราย ได้อาศัยบารมีอำนาจของพรรครัฐบาลคอยช่วยเหลือกลุ่มชาวประมงที่ยังใช้เครื่องมือผิดกฎหมายและทำลายสัตว์น้ำวัยอ่อน โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ทำให้กล้าแสดงความก้าวร้าว ไม่เกรงกลัวกฎหมาย บุกแย่งชิงของกลาง ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ และข่มขู่คุกคามกลุ่มชาวประมงที่ทำกิจกรรมอนุรักษ์ โดยมีประเด็นแนวทางแนวทางแก้ไข ดังนี้
ประเด็นที่ 1 ประเด็นเร่งด่วน
ทั้งนี้หลังจากที่มีกลุ่มประมงที่ใช้เครื่องมือผิดกฎหมายและผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ข่มขู่คุกคาม ทำให้ขณะนี้ไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ ต้องหลบๆซ่อนๆ เพื่อปกป้องชีวิต
ประเด็นที่ 2 แนวทางการแก้ปัญหาต่อเนื่อง การแก้ไขปัญหาการทำการประมงที่ใช้เครื่องมือผิดกฎหมาย (กรณีอ่าวปากพนัง)
กฎหมาย (พระราชกำหนดการประมงฉบับปี พ.ศ. 2558 และ 2560)
การส่งเสริมและสนับสนุน
ปัจจัยคุกคามจากโครงการพัฒนาของรัฐ
การเมืองภาคประชาชนควรจะมีบทบาทหรือไม่ อย่างไร ในสถานการณ์นี้
“หากกล่าวถึงเรื่องการเมือง ล้วนเกี่ยวพันกับคนทุกระดับชั้นที่ไม่สามารถหลีกหนีได้ ดังนั้นโดยส่วนตัวคิดว่า การเมืองภาคประชาชนเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องมี และควรเพิ่มบทบาทมากขึ้นในสถานการณ์เช่นนี้ เพราะการเมืองหลักปัจจุบันขาดความเชื่อมั่นกับคนในประเทศ จากการบริหารงาน 8 ปีที่ผ่านมาของ คสช.และรัฐบาลปัจจุบันที่รวมศูนย์ไว้ที่คนๆเดียวกัน ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าล้มเหลว ดังนั้นแนวทางที่จะนำพาประเทศให้ก้าวข้ามคือ การกระจายอำนาจ และควรให้การเมืองภาคประชาชนมีบทบาทมากขึ้น เพราะสามารถเข้าถึงปัญหา และความต้องการของประชาชนได้แท้จริง
เดิมเคยคิดว่าไม่อยากยุ่งเกี่ยวเรื่องการเมือง แต่ปัจจุบันนี้ทุกอย่างมันรวมศูนย์ ทุกปัญหาแก้ได้ที่ศูนย์กลาง การเคลื่อนไหวของภาคประชาสังคมจึงต้องมีการปรับแผนยุทธวิธี จะทำเช่นเดิมก็มิได้ เพราะเดิมพันของเรามันใหญ่มาก คือ ชีวิตและผืนแผ่นดินที่อาศัยอยู่มาตั้งแต่บรรพบุรุษ ดังนั้นเดิมเราให้ใครก็ไม่รู้มาเขียนกฎหมายควบคุมเรา แต่วันนี้อาจจะถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องลุกขึ้นมาเขียนกฎหมายของเราเองบ้าง ประเด็นนี้เริ่มมีการพูดคุยและจัดวางขบวนการเคลื่อนการเมืองภาคประชาชนมากขึ้นในพื้นที่ภาคใต้
จากแนวคิดก็เริ่มก่อร่างสร้างรูปธรรม สร้างพื้นที่ต้นแบบ และขยายองค์ความรู้สร้างความตระหนักร่วมของผู้คนในรูปแบบ เครือข่ายเขียนอนาคตประเทศไทย ที่เชื่อมร้อยผู้คนในหลายส่วนทั้ง ประชาชน นักธุรกิจ นักวิชาการ เครือข่ายองค์กรภาคเอกชน นักการเมือง และหน่วยงานองค์กรของรัฐบางกลุ่ม โดยมิได้คิดมองแต่ฝ่ายเดียวอย่างเช่นเมื่อก่อน เพื่อปลดเปลื้องการผูกขาดของรัฐ กลุ่มทุน และกลุ่มศักดินา ที่มุ่งแสวงหาผลประโยชน์บนคราบน้ำตาของประชาชนที่มีมาหลายศตวรรษ”
ผู้ตอบสัมภาษณ์ : นายศรเดช คำแก้ว ผู้ประสานงานพื้นที่ มูลนิธิภาคใต้สีเขียว
ผู้สัมภาษณ์ : นายอัฎธิชัย ศิริเทศ ทีมงานไทยเอ็นจีโอ
01 Mar 2025
21 Feb 2025
21 Feb 2025
16 Jan 2025
21 Feb 2025
21 Feb 2025
21 Feb 2025
21 Feb 2025
ข่าวสารสังคมนอกสื่อกระแสหลัก ข่าวสารความเคลื่อนไหว เกี่ยวกับเอ็นจีโอ ข่าวกิจกรรมเพื่อสังคม งานสัมนา สมัครงานเอ็นจีโอ ร้องเรียน แจ้งข่าว…ประนามประจาน !! ที่ได้รับความทุกข์ร้อนไม่เป็นธรรม