เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากการทำเหมืองแร่อีสาน ถกพรบ.แร่ภาคประชาชน จี้ยกเลิกกฎหมายเอื้อนายทุน

849 20 Sep 2012

เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากการทำเหมืองแร่อีสาน ถกพรบ.แร่ภาคประชาชน จี้ยกเลิกกฎหมายเอื้อนายทุน  ....เครือ ข่ายภาคประชาชนที่เกี่ยวข้องกับกับการทำเหมืองแร่ เปิดเวทีระดมสมอง นำเสนอมุมมองต่อ พรบ.แร่ ฉบับใหม่ที่จะออกโดยประชาชนเจ้าของปัญหา เพื่อยกเลิกกฎหมายเก่าที่เอื้อต่อนายทุนเหมืองแร่... วันนี้ (25 ธ.ค. 54) เวลาประมาณ 09.00 น. มูลนิธิสถาบันศึกษาเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ได้จัดเวทีระดมและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เครือข่ายภาคประชาชนเพื่อการยกร่าง “ ร่างพระราชบัญญัติแร่ (ภาคประชาชน) ” ณ ห้องประชุมอาคาร 14 คณะ วิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎอุดรธานี จ.อุดรธานี เพื่อร่วมกันนำเสนอมุมมองต่อการแก้ไข พรบ.แร่ ฉบับปี พ.ศ.2510โดยมีเครือข่ายองค์กรชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบจากการประกอบการเหมือง แร่ ประมาณ 50 คน อาทิ  กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี กลุ่มคนรักษ์บ้านเกิด ต.เขาหลวง อ.วังสะพุง จ.เลย กลุ่มเครือข่ายผลกระทบจากการทำนาเกลือ จ.นครราชสีมา กลุ่มอนุรักษ์ภูหินเหล็กไฟ ต.นาดินดำ อ.เมือง จ.เลย เป็นต้น โดย มีอาจารย์จาก คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อัยการ และผู้เชี่ยวชาญทางด้านกฎหมาย ได้ให้ข้อมูลที่เกี่ยวเนื่องกับ พรบ.แร่ ว่า พรบ.แร่ ฉบับแรกเกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ.2510 โดยเริ่มต้นเพื่อให้สอดคล้องกับ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 1 ซึ่งหัวใจสำคัญของ พรบ.แร่ ฉบับแรกอยู่ที่การให้ความสำคัญในการเปิดการลงทุนในกิจการเหมืองแร่ ให้เกิดการขยายตัวในการขออนุญาตทำเหมืองแร่ และเน้นการผูกขาดการให้อนุญาตอยู่ที่อำนาจรัฐ ต่อมา พรบ.แร่ ( แก้ไข ฉบับที่ 2 ) ปี พ.ศ.2516 ได้เพิ่มการให้สัมปทานอนุญาตในการขุดเจาะน้ำเกลือใต้ดิน และ  พรบ.แร่ ( แก้ไข ฉบับที่ 5 ) ปี พ.ศ.2545 เพิ่มการให้สัมปทานอนุญาตทำเหมืองใต้ดิน โดยทั้งสองฉบับที่แก้ไขเป็นการขยายขอบเขตอำนาจรัฐเพื่อการรองรับการสัมปทาน แร่ที่หลากหลายขึ้น โดยใช้หลักการ แร่อยู่ที่ใด แก้กฎหมายให้สัมปทานได้ที่นั่น ที่ผ่านมามีการแก้ไข พรบ.แร่ มาแล้วทั้งสิ้น 5 ฉบับ และปัจจุบันยังคงใช้ พรบ.กฎหมายแร่ ปี พ.ศ.2510 อ.ศักดิ์ ณรงค์ มงคล จากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นักวิชาการที่ติดตามศึกษา พรบ.แร่ อย่างต่อเนื่อง กล่าวว่า  เราต้องยกเลิก กฎหมายแร่ ฉบับ พ.ศ.2510 นี้ ซึ่งเป็นกฎหมายที่ให้อำนาจในการจัดการทรัพยากรแร่ในประเทศ ไปตกอยู่กับกลุ่มนายทุนผู้ประกอบการ และภาครัฐเพียงอย่างเดียว ไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลพื้นฐานของทรัพยากรแร่ที่มีอยู่ในชุมชน ตน เพื่อนำสู่การจัดการทรัพยากรแร่ร่วมกัน “ ภาคประชาชนต้องร่วมกันออกแบบร่างกฎหมายแร่ ที่ร่างขึ้นจากตัวประชาชนผู้เป็นเจ้าของทรัพยากรแร่และจะเป็นผู้ที่ได้รับผล กระทบโดยตรงจากการทำเหมืองแร่ในพื้นที่เอง หากร่างกฎหมายแร่ภาคประชาชนแล้วเสร็จ ก็จะร่วมกันผลักดันสู่กรอบมติของประชาคมทั่วประเทศต่อไป ” อ.ศักดิ์ณรงค์กล่าว ใน ส่วนของชาวบ้านที่เข้าร่วมเวทีในครั้งนี้มีความเห็นว่า สิทธิของประชาชนในการจัดการทรัพยากรในปัจจุบันมีอยู่ครบถ้วน ตามรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะเป็น มาตรา 66 และ 67 ว่าด้วยสิทธิชุมชน มาตรา 41 สิทธิในทรัพย์สินที่ดิน  และ มาตรา 43 สิทธิในการรักษาทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม สวัสดิภาพประชาชน หรือเพื่อป้องกันการผูกขาดหรือขจัดความไม่เป็นธรรมในการแข่งขัน ซึ่งหากประกอบขึ้นร่วมกับร่างกฎหมายแร่ของภาคประชาชนที่จะเกิดขึ้นแล้ว ย่อมจะทำให้ประชาชนมีอำนาจในการจัดการทรัพยากรตนเองได้อย่างยั่งยืนและสมดุล นาย ถาวร เพชรขุนทด แกนนำกลุ่มเครือข่ายผลกระทบจากการทำนาเกลือ กล่าวว่า ที่ผ่านมากฎหมายแร่ปล่อยให้ภาครัฐเป็นผู้จัดการทรัพยากรเพียงฝ่ายเดียวนั้น มักที่จะมีปัญหาตามมา เช่น ในกรณีของ อ.พระทองคำ จ.นครราชสีมา ที่ไร่นาของชาวบ้านเสียหายจากการปล่อยน้ำเกลือลงสู่ไร่นาชาวบ้านของ อุตสาหกรรมเหมืองเกลือขนาดใหญ่ จนทำนาไม่ได้ คิดเป็นพื้นที่เสียหายกว่า 2,000 ไร่ มิหนำซ้ำกฎระเบียบหรือกฎหมายเองก็ยังเอื้อต่อนายทุนเป็นอย่างมาก “ การมีกฎหมายแร่ที่ยกร่างโดยภาคประชาชนนั้นถือเป็นสิ่งที่ดี ที่เราจะได้มีส่วนร่วมมากขึ้น ผมก็คาดว่าหากเกิดขึ้นได้จริง จะทำให้ชาวบ้านได้มีโอกาสเข้าไปมีส่วนร่วม ในการบริหารจัดการทรัพยากรโดยพวกเราเองอย่างแท้จริง ” นายถาวรกล่าว ด้าน นายปัญญา โคตรเพชร เลขานุการกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี กล่าวว่า  ที่ผ่านมาชาวบ้านต้องตกอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายแร่ที่ถูกร่างขึ้นโดยนายทุน ผู้ประกอบการผ่านการเอื้อประโยชน์โดยรัฐ ซึ่งชาวบ้านทำได้เพียงใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญในการต่อสู้ หากชาวบ้านมีโอกาสรับรู้และมีส่วนร่วมในการออกกฎหมายแร่ซึ่งเกิดจากตัว ประชาชนเอง ย่อมจะทำให้สิทธิในการต่อสู้กับทุนที่จะรุกรานทรัพยากรท้องถิ่น มีความเท่าเทียมมากขึ้น “ ร่าง พรบ.แร่ ภาคประชาชนฉบับนี้ จะเป็นเครื่องมือให้ชาวบ้านใช้ในการต่อสู้จากการรุกรานทรัพยากรท้องถิ่นของ ทุนได้เป็นอย่างดี เพราะเป็นกฎหมายที่อ้างอิงจากสภาพจริงและความต้องการของชาวบ้านเอง ไม่ใช่ของภาครัฐและนายทุน ”

Contact Information

  • : มูลนิธิกองทุนไทย Thai Fund Foundation 2044/23 ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ บางกะปิ ห้วยขวาง กรุงเทพ 10310
  • : webmaster@thaingo.org
  • : 082 178 3849
  • : www.thaingo.in.th

Thai NGO

ข่าวสารสังคมนอกสื่อกระแสหลัก ข่าวสารความเคลื่อนไหว เกี่ยวกับเอ็นจีโอ ข่าวกิจกรรมเพื่อสังคม งานสัมนา สมัครงานเอ็นจีโอ ร้องเรียน แจ้งข่าว…ประนามประจาน !! ที่ได้รับความทุกข์ร้อนไม่เป็นธรรม