3436 13 May 2018
โอกาสจากการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจหนานหนิง-กรุงเทพฯ
ทวีศักดิ์ ตั้งปฐมวงศ์
นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ
กลุ่มงานยุทธศาสตร์และข้อมูลเพื่อการพัฒนาจังหวัด สำนักงานจังหวัดราชบุรี สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย
บทนำ
เขตปกครองตนเองกวางสีจ้วง (Guangxi Zhuang Autonomous Region) ถือเป็นมณฑลทางภาคตะวันตกแห่งเดียวที่มีอาณาเขตติดต่อกับทะเลในทิศตะวันออก แม้จะมีอาณาเขตติดต่อกับทะเล แต่นับเป็นพื้นที่ได้รับผลสำเร็จจากการพัฒนา ในระยะแรกของการเปิดประเทศ ปี ค.ศ.1978 น้อยกว่า มณฑลกวางตง หรือ มณฑลฝูเจี้ยน ซึ่งมีเขตเศรษฐกิจพิเศษ (Special Economic Zone) เนื่องด้วยเป็นภูมิภาคชายแดนและไม่ได้เป็นเมืองท่าที่ถูกจัดให้เป็นประตูสู่การค้าระหว่างประเทศ
ทิศทางการพัฒนาเป็นรูปธรรมขึ้น เมื่อรัฐบาลจีนได้เริ่มดำเนิน "นโยบายการพัฒนาพื้นที่ภาคตะวันตก" (Go West Policy) ภายใต้แนวคิดการพัฒนาเศรษฐกิจตลาดสังคมนิยม” (Socialist Market Economy) ในปี ค.ศ. 2000 รัฐบาลกลางได้ยกร่างเป็นยุทธศาสตร์แห่งชาติ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระจายความเจริญและส่งเสริมการพัฒนาของพื้นที่ตอนใน ทางภาคตะวันตกให้ทัดเทียมกับมณฑลทางภาคตะวันออก รวมทั้งตระเตรียมความพร้อมสำหรับรองรับกระแสการเคลื่อนย้ายอุตสาหกรรมจากภาค ตะวันออก ปรากฏผลการดำเนินการในแผนการพัฒนาเขตปกครองตนเองกวางสีจ้วง ซึ่งถูกบรรจุเป็นหนึ่งในหลักการสำคัญของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม 5 ปี นับตั้งแต่ ฉบับที่ 10 -13 ระหว่างปี ค.ศ. 2001-2020 โดยมุ่งใช้ศักยภาพของเขตปกครองตนเองกวางสีจ้วง ซึ่งอยู่ระหว่าง มณฑลยูนนานด่านหน้าในการเปิดความสัมพันธ์กับประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง และมณฑลกวางตงซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าขายระหว่างประเทศ โดยวางยุทธศาสตร์ให้นครหนานหนิง เป็นศูนย์กลางคมนาคมขนส่งระหว่างจีนกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ"ประตูสู่อาเซียน" ศูนย์กลางในการติดต่อและขยายความร่วมมือระหว่างจีนกับกลุ่มประเทศอาเซียน
ทิศทางการพัฒนา ฯ ดังกล่าว ได้ถูกดำเนินการอย่างต่อเนื่องในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม 5 ปี ฉบับที่ 13 ระหว่างปี ค.ศ. 2016-2020 ซึ่งมุ่งพัฒนานครหนานหนิงเป็น “จุดเชื่อมต่อสำคัญระหว่างจีนกับกลุ่มประเทศอาเซียน” ผ่านกลไก ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า การแลกเปลี่ยนทางด้านวัฒนธรรม การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเชื่อมโยงเส้นทางการคมนาคมทางบก ผ่านระเบียงเศรษฐกิจหนานนิง-กรุงเทพ ฯ (Economic Corridor Nanning – Bangkok)
นครหนานหนิงประตูสู่อาเซียน
เพื่อตอบสนองกับการเป็น ”ประตูสู่อาเซียน” นครหนานหนิงได้มีการประกาศแผนงานสร้าง “เขตธุรกิจระหว่างประเทศจีน-อาเซียน” (China-ASEAN International Business District) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระชับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจการค้า กับกลุ่มประเทศอาเซียน โครงการสำคัญหนึ่งในความพยายามสร้างความเป็นศูนย์กลางการจัดประชุมนานาชาติ ผ่านการจัดงานถาวร คือ งานมหกรรมแสดงสินค้าจีน-อาเซียน (China-ASEAN Expo: CAEXPO) ณ นครหนานหนิง ซึ่งเริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ.2004 เป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นศูนย์กลางให้ประเทศแถบอาเซียนและจีนได้แลกเปลี่ยนการแสดงสินค้า ทั้งอุปโภคและบริโภค เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ รวมทั้งการแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรม การศึกษา และการบริการให้คำปรึกษาด้านการลงทุน
ด้านการคมนาคมขนส่งในระบบรางของนครหนานหนิง คือ โครงการรถไฟความเร็วสูง “สถานีรถไฟหนานหนิงฝั่งตะวันออก” ตั้งอยู่ด้านเหนือของเขตเฟิ่งหลิ่ง มีเส้นทางรถไฟความเร็วสูง สายนครหนานหนิง-เมืองหลิ่วโจว-เมืองกุ้ยหลิน ซึ่งสามารถเชื่อมต่อไปถึงกรุงปักกิ่ง และนครฉางซา เมืองสำคัญทางเหนือของประเทศได้ เส้นทางรถไฟความเร็วสูงหนานกว่าง สายนครหนานนิง-นครกวางโจว ทำความเร็วเฉลี่ย 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเส้นทางรถไฟด่วนสายยูนนาน – กวางสี ถูกวางให้เป็นศูนย์กลางการคมนาคมแบบบูรณการขนาดใหญ่ระดับภูมิภาค ทั้งระบบราง รถโดยสารประจำทาง รถแท็กซี่ รถยนต์ส่วนบุคคล และรถยนต์บริการอื่น ๆ โดยคาดว่า ภายในปี ค.ศ. 2020 จะมีปริมาณผู้โดยสาร 33.48 ล้านคน และคาดว่าภายในปี ค.ศ. 2030 ปริมาณผู้โดยสารจะเพิ่มเป็นประมาณ 47.79 ล้าน ในระยะยาว สถานีรถไฟแห่งนี้จะมีบทบาทสำคัญยิ่งต่อการผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของเขตปกครองตนเองกวางสีจ้วง พื้นที่ภาคตะวันตกวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน และจะเป็นตัวจักรสำคัญในการผลักดันความร่วมมือทางเศรษฐกิจจีน-อาเซียนแผนงานสำคัญในการสร้างความเป็นศูนย์กลางของนครหนานหนิง ดำเนินการไปพร้อมกับการสร้างและพัฒนาเครือข่ายเส้นทางคมนาคมทางบก โดยมีโครงการที่สำคัญได้แก่
ศูนย์โลจิสติกส์คลังสินค้าทัณฑ์บนแห่งนครหนานหนิง (Nanning Bonded Logistic Center) ถือเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์คลังสินค้าทัณฑ์บนภายในแห่งแรกของเขตปกครองตนเองกวางสีจ้วงที่มีบทบาทสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ รัฐบาลกลางทยอยประกาศอนุมัติการจัดตั้ง เขตคลังท่าเรือสินค้าทัณฑ์บนชินโจว เขตคลังสินค้าทัณฑ์บนแบบบูรณการผิงเสียง และเขตแปรรูปเพื่อการส่งออกเป๋ยไห่ ปัจจุบัน ได้เพิ่ม ศูนย์โลจิสติกส์คลังสินค้าทัณฑ์บนฝางเฉิงก่าง พร้อมกับ“ศูนย์โลจิสติกส์คลังสินค้าทัณฑ์บนแห่งนครหนานหนิง” ด้วยเหตุนี้ เขตปกครองตนเองกวางสีจ้วงจึงได้เสนอแนวความคิดใหม่เกี่ยวกับการสร้างเขตคลังสินค้าทัณฑ์บนในเขตอ่าวเป่ยปู้ให้เป็นระบบโครงข่ายเชื่อมโยงกัน ผ่านความร่วมมือเมืองท่าจีน-อาเซียน' (China-ASEAN Port Cities Network) เพื่อกระชับความร่วมมือทางทะเลระหว่างจีนกับอาเซียน และในเวลาต่อมา เครือข่ายความร่วมมือดังกล่าวได้รับการกำหนดให้เป็นโครงการสนับสนุนจาก กองทุนความร่วมมือทางทะเลจีน-อาเซียน (China-ASEAN Maritime Cooperation Fund)
รูปแบบการดำเนินการดังกล่าว คือ การใช้เมืองริมชายฝั่งทะเลและเมืองด่านชายแดนเป็นจุดเชื่อมต่อ ผ่านศูนย์โลจิสติกส์คลังสินค้าทัณฑ์บนแห่งนครหนานหนิงซึ่งเป็นศูนย์กลางเครือข่าย เพื่อให้บริการด้านโลจิสติกส์คลังสินค้าทัณฑ์บนโดยตรงแก่กลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนและพื้นที่ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน โดยนครหนานหนิงอาศัย 3 เมืองชายฝั่งทะเล คือ เมืองเป๋ยไห่ เมืองชินโจว และเมืองฝางเฉิงก่าง กับเมืองด่านชายแดน คือ ด่านโหย่วอี้ เมืองผิงเสียง และด่านตงซิง เป็น “เมืองริมชายฝั่งทะเลที่ไม่ได้อยู่ริมชายฝั่งทะเล” และ “เมืองชายแดนที่ไม่ได้อยู่ริมชายแดน” อันเป็นก้าวต่อไปของการสร้าง “ท่าเรือไร้น้ำ” ซึ่งการเป็นศูนย์กลางโครงข่ายดังกล่าวมีส่วนช่วยผลักดันให้นครหนานหนิงพัฒนาและเจริญเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
ด้านการพัฒนาอุตสาหกรรม รัฐบาลเขตปกครองตนเองกวางสีจ้วงผลักดันให้เมืองฉงจั่ว (Chongzuo City) เป็น ศูนย์กลางการขนส่งทางถนนสู่อาเซียนผ่าน ยุทธศาสตร์เหลียวมองฉงจั่วประตูสู่อาเซียน (Turn Your Eyes to Chongzuo – Land Access to ASEAN) โดยฉงจั่ว ถือเป็นเป็นเมืองหน้าด่านสำคัญที่สุดจากตำแหน่งที่ตั้งติดกับเวียดนาม และสนับสนุนโครงการความร่วมมือต้นแบบผ่าน นิคมอุตสาหกรรมจีน- ไทยซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองฉงจั่ว (เมืองฉงจั่วได้ลงนามความร่วมมือระหว่างเมืองกับเทศบาลนครพิษณุโลก เมื่อปี ค.ศ. 2013) โดยมีบริษัท น้ำตาลมิตรผลของไทย ได้ตั้งโรงงานผลิตน้ำตาลอยู่ภายในเขตนิคมอุตสาหกรรมนี้ มุ่งหวังสู่การเป็นฐานการผลิตและแปรรูปน้ำตาลที่ใหญ่ที่สุดของประเทศจีน เป็นเขตนิคมที่มีความทันสมัยของเขตเศรษฐกิจอ่าวเป่ยปู้กว่างซี และเป็นฐานความร่วมมือภาคอุตสาหกรรมที่เกิดขึ้นจากการผลักดันร่วมกันระหว่าง 2 ประเทศบนแนวระเบียงเศรษฐกิจหนานหนิง-สิงคโปร์ และที่สำคัญคือ เป็นนิคมแม่แบบความร่วมมือจีน-ไทย ในลักษณะเดียวกับนิคมอุตสาหกรรมจีน(ซูโจว)-สิงคโปร์ และเขตนิคมอุตสาหกรรมจีน (ชินโจว)-มาเลเซีย ซึ่งได้ดำเนินมาก่อน
แนวคิดการสร้างระเบียงเศรษฐกิจหนานหนิง-กรุงเทพฯ
เมื่อปี ค.ศ. 2004 เพื่อพัฒนาเครือข่ายการคมนาคมขนส่งทางบกให้เข้าถึงประเทศในกลุ่มอาเซียน แนวคิดการสร้าง “ระเบียงเศรษฐกิจหนานหนิง-กรุงเทพฯ” (Nanning-Bangkok Economic Corridor) ได้ถูกนำเสนอโดยนักวิชาการจากสถาบันสังคมศาสตร์แห่งเขตปกครองตนเองชนชาติจ้วงกวางสี (Guangxi Academy of Social Science) ต่อจากนั้นในปี ค.ศ.2006 เพื่อเชื่อมโยงการคมนาคมถึงท่าเรือสำคัญอย่างสิงคโปร์ คณะกรรมาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ ประจำเขตปกครองตนเองกวางสีจ้วงได้เสนอการจัดตั้ง “ระเบียงเศรษฐกิจหนานหนิง-สิงคโปร์” (Nanning-Singapore Economic Corridor) ขึ้นในงานประชุมและเวทีหารือความร่วมมือทางเศรษฐกิจรอบอ่าวเป่ยปู้ ครั้งที่ 1 (Pan-Beibu Gulf Economic Cooperation Forum) ซึ่งเป็นเวทีความร่วมมือทางเศรษฐกิจภายใต้การผลักดันของรัฐบาลกลางของจีนให้ เขตปกครองตนเองกวางสีจ้วง เป็นศูนย์กลางในการติดต่อ ค้าขายกับกลุ่มประเทศอาเซียน นับตั้งแต่แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม 5 ปี ฉบับที่ 11 ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเน้นการพัฒนาโครงข่ายการคมนาคมขนส่ง และศักยภาพในการเชื่อมโยงโลจิสติกส์การค้าระหว่างกัน โดยเฉพาะการขนส่งทางทะเลเพื่อเชื่อมโยงกับเขตปกครองตนเองชนชาติจ้วงกวางสี ซึ่งเป็นมณฑลตะวันตกของจีนเพียงแห่งเดียว ที่มีทางออกทะเล และมีท่าเรือน้ำลึกที่สามารถเชื่อมต่อโดยตรงเข้ากับระบบรางรถไฟ เพื่อกระจายสินค้าต่อไปยังจีนตะวันตกอื่นๆ อีก 10 กว่ามณฑล
จวบจนมาถึงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม 5 ปี ฉบับที่ 13 (ระหว่างปี 2016-2020) กำหนดชัดเจนถึงโครงการก่อสร้างระบบการขนส่งต่อสินค้า (Transshipment Port System) และระบบการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์สำหรับสินค้าประเภทน้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ และแร่เหล็กนำเข้า รวมทั้งถ่านหินตามท่าเรือริมทะเลในเมืองต่างๆเชื่อมแนวพื้นที่เศรษฐกิจเส้นทางสายไหม สวมบทการเป็น "ข้อต่อ" ระหว่างยุทธศาสตร์เส้นทางสายไหมทางบกกับเส้นทางสายไหมทางทะเล อาศัยความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ที่ตั้ง เพื่อพัฒนาบทบาทการเป็น "ข้อต่อ" ที่สำคัญในกรอบยุทธศาสตร์ One Belt One Road โดยเฉพาะการเชื่อมโยงพื้นที่ตอนเหนือกับตอนใต้ กล่าวคือ การกำหนดให้ "นครหนานหนิง" เป็นศูนย์กลาง โดยการเชื่อมกับหัวเมืองสำคัญที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ "แนวพื้นที่เศรษฐกิจเส้นทางสายไหมทางบก" (One Belt) เช่น นครกุ้ยหยาง นครฉงชิ่ง นครเฉิงตู นครซีอาน นครหลาน โจว และนครอูรุมฉีร์ และมุ่งลงใต้เพื่อเชื่อมกับคาบสมุทรอินโดจีนภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ "เส้นทางสายไหมทางทะเลแห่งศตวรรษที่ 21" (One Road) จากนครหนานหนิงไปยังเวียดนาม ลาว กัมพูชา ไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ นำไปสู่การประกาศ ข้อริเริ่มว่าด้วยการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจจีน-คาบสมุทรอินโดจีน" (A proposal on developing a China-Indochina Peninsular Economic Corridor) ในการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจรอบอ่าวเป่ยปู้กว่างซี ครั้งที่ 9 แสดงเจตนารมณ์ชัดเจนในการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ภายใต้กรอบความสัมพันธ์ที่จีนเป็นผู้ริเริ่ม ตามแผนงานดังกล่าว รัฐบาลเขตปกครองตนเองกวางสีจ้วง ได้กำหนดให้ 4 เมืองหลักของเป็น "เขตพัฒนาเศรษฐกิจอ่าวเป่ยปู้" (Guangxi Beibu Gulf Economic Zone: BGEZ) ได้แก่ นครหนานหนิง เมืองชินโจว เมืองฝางเฉิง และเมืองเป๋ยไห่ ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจร่วมกันเป็นมูลค่า 1 ใน 3 ของมณฑล จึงเป็นขุมพลังทางเศรษฐกิจ อีกทั้งภูมิรัฐศาสตร์ มีความใกล้ชิดกับภูมิภาคอาเซียนมากกว่ามณฑลกวางตง ซึ่งเป็นเมืองท่าหลักที่เริ่มหนาแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ ในแง่ต้นทุนการเปิดเมืองท่าแห่งใหม่ก็มีความจำเป็นในแง่ช่วยลดความหนาแน่นของการใช้ท่าเรือในกวางตง
บทสรุป
นครหนานหนิง มุ่งหวังการพัฒนาสู่การเป็นศูนย์กลางในการติดต่อและขยายความร่วมมือระหว่างจีนกับกลุ่มประเทศอาเซียน ผ่านโครงการ กรอบความร่วมมือในสาขาต่างๆ มีการออกมาตรการและนโยบายพิเศษเพื่อสนับสนุนการลงทุนจากต่างประเทศ และเร่งสร้างระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน รวมถึงโครงข่ายการคมนาคม เป็นทั้งโอกาสและความท้าทายสำหรับผู้ประกอบการไทย เส้นทางตามระเบียงเศรษฐกิจหนานหนิง-กรุงเทพฯ จึงเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพในการพัฒนาการเชื่อมต่อไปถึงระเบียงเศรษฐกิจหนานหนิง – สิงคโปร์ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงกับไทยและกลุ่มประเทศอาเซียน
24 Jan 2024
24 Jan 2024
30 Nov 2023
11 Feb 2024
11 Feb 2024
24 Jan 2024
30 Nov 2023
ข่าวสารสังคมนอกสื่อกระแสหลัก ข่าวสารความเคลื่อนไหว เกี่ยวกับเอ็นจีโอ ข่าวกิจกรรมเพื่อสังคม งานสัมนา สมัครงานเอ็นจีโอ ร้องเรียน แจ้งข่าว…ประนามประจาน !! ที่ได้รับความทุกข์ร้อนไม่เป็นธรรม