1946 12 Oct 2012
Cadmium โดย นพ.คุณากร สินธพพงศ์ (11 มิถุนายน พ.ศ. 2554) ชื่อ แคดเมียม (cadmium) ชื่ออื่น Colloidal cadmium น้ำหนักอะตอม 112.411 CAS number 7440-43-9 UN number 2570 ลักษณะทางกายภาพ เป็นแร่โลหะสีเงินขาว อ่อนตัว เป็นมันเงา หรือเป็นผงเม็ดละเอียดสีเทา คำอธิบาย แคดเมียมในธรรมชาติพบในรูปแบบของสารประกอบซัลไฟด์ซึ่งจะพบร่วมกับสังกะสีและทองแดง โดยทั่วไปได้รับเข้าสู่ร่างกายในการทำเหมืองแร่ และหลอมสังกะสี ทองแดง และตะกั่ว แคดเมียมถูกใช้ในการชุบโลหะ ด้วยคุณสมบัติต้านทานการกัดกร่อนของมัน เกลือโลหะของมัน ถูกใช้ในการทำเม็ดสีและการคงรูปพลาสติก แคดเมียมอัลลอยด์ถูกใช้ในการประสาน, การเชื่อม และใน แบตเตอรี่ชนิดนิกเกิล-แคดเมียม ตัวประสานแคดเมียมในท่อน้ำและเม็ดสีแคดเมียมในเครื่องปั้นดินเผา สามารถเป็นแหล่งของการปนเปื้อนของน้ำและอาหารที่มีความเป็นกรด ค่ามาตรฐานในสถานที่ทำงาน ACGIH TLV – TWA 0.01 mg/m3 |||| NIOSH REL – Ca ||||| OSHA PEL – TWA 0.00 5 mg/m3 |||| IDLH – 9 mg/m3 || กฎหมายไทย Cadmium fume TWA - 0.1 mg/m3, Ceiling 0.3 mg/m3, Cadmium dust TWA – 0.2 mg/m3, Ceiling 0.6 mg/m3 ค่ามาตรฐานในร่างกาย ACGIH (2007) BEI – Cadmium in urine = 5 ug/g creatinine (not critical for sampling time), Cadmium in blood = 5 ug/L (not critical for sampling time) คุณสมบัติก่อมะเร็ง IARC Group 1 ||||| ACGIH A 2 Carcinogenicity แหล่งที่พบในธรรมชาติ พบในน้ำและดินที่มีแร่แคดเมียมอยู่ อุตสาหกรรมที่ใช้ การเชื่อมและประสานโลหะ การชุบโลหะ การคงรูปพลาสติก การทำเม็ดสี การทำแบตเตอรี่ กลไกการก่อโรค การหายใจเข้าไปก่อให้เกิดพิษอย่างน้อย 60 เท่าของการกิน ไอระเหยและฝุ่น อาจจะก่อให้เกิดภาวะปอดอักเสบ (Delayed chemical pneumonitis) และเป็นผลให้ปอดบวมน้ำและเลือดออกในปอด การกินเข้าไป ทำให้ระคายเคืองทางเดินอาหาร เมื่อมีการดูดซึมแคดเมียมจะรวมตัวกับ metallothionein และกรองผ่านไตที่ซึ่งจะเกิดการทำลายท่อไต การเตรียมตัวเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน นำผู้ป่วยออกจากจุดเกิดเหตุ หยุดการสัมผัสสาร โดยนำผู้ป่วยมาไว้ในจุดที่ไม่มีการปนเปื้อน ผู้ที่เข้าไปช่วยเหลือผู้ป่วยควรได้รับการฝึกเป็นอย่างดีและไม่ทำให้ตนเองอยู่ในความเสี่ยง ใส่เครื่องป้องกันอย่างเหมาะสม หากเป็นไปได้ให้ใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจด้วย SCBA – self contained breathing apparatus อาการทางคลินิก การสัมผัสโดยตรง ทำให้เกิดการระคายเคืองผิวหนังและตา ยังไม่มีข้อมูลเรื่องการดูดซึมแคดเมียมทางผิวหนังในมนุษย์ อาการการหายใจอย่างเฉียบพลัน ทำให้ไอ หายใจมีเสียงวี้ด ปวดศีรษะ มีไข้ และหากรุนแรง ทำให้ปวดอักเสบแบบ chemical pneumonitis และปวดบวมน้ำแบบ noncardiogenic ภายใน 12-24 ชม.หลังจากสัมผัสโดยการหายใจ อาการทางการหายใจระยะยาว ในปริมาณสูงสัมพันธ์กับการก่อโรคมะเร็งปอด อาการทางทางเดินอาหารแบบเฉียบพลัน เกลือแคดเมียมทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ อาเจียน ปวดท้องและ ถ่ายเหลว บางครั้งมีเลือดปนในไม่กี่นาทีหลังจากทานเข้าไป การตายหลังจากทานเข้าไปเกิดจากภาวะช็อกเนื่องจากขาดน้ำหรือเกิดจากไตวายเฉียบพลัน อาการทางทางเดินอาหารระยะยาว เป็นผลให้เกิดการสะสมของแคดเมียมในกระดูกทำให้เกิดโรคอิไตอิไต (Itai-itai) และในไตทำให้เกิดโรคไตเสื่อม การตรวจทางห้องปฏิบัติการ ขึ้นกับประวัติการสัมผัสและอาการของผู้ป่วยในขณะนั้นทั้งอาการทางการหายใจและอาการทางทางเดินอาหาร การตรวจจำเพาะ ระดับแคดเมียมในเลือด (whole blood cadmium) ยืนยันการสัมผัสสารค่าปกติไม่เกิน 1 ug/L แคดเมียมปริมาณน้อยมากจะถูกขับมาในปัสสาวะจนกว่าแคดเมียมที่ถูกจับ (โดยmetallothionein) ในไตจะเกินและเกิดการทำลายไตเกิดขึ้น แคดเมียมในปัสสาวะค่าปกติไม่เกิน 1 1ug/g Creatinine การตรวจวัดไมโครอัลบูมินในปัสสาวะ (beta-microglobulin, retinol-binding protein, albumin, metallothionein) ใช้ในการติดตามผลจากความเป็นพิษของแคดเมียมที่ไต การตรวจอื่นๆ เช่น การตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (CBC), เกลือแร่ในเลือด (Electrolyte), glucose , BUN, creatinine, ค่าออกซิเจนในเลือดแดง (arterial blood gas) หรือ oximetry และการตรวจภาพรังสีปอด (CXR) การดูแลรักษา ปฐมพยาบาล นำผู้ป่วยออกจากจุดเกิดเหตุ ดูแลเรื่องการทำงานของระบบที่สำคัญ เช่น ระบบหายใจ ระบบการไหลเวียนโลหิต ถ้าผู้ป่วยหมดสติควรทำให้ทางเดินหายใจเปิดโล่งและให้ออกซิเจน 100% การสัมผัสโดยการหายใจ ถ้าผู้ป่วยหยุดหายใจให้เริ่มทำการช่วยหายใจด้วยการเป่าปากทันที ถ้าเป็นไปได้ให้ใช้ pocket mask ที่มี one way valve เพราะทางเดินหายใจและหน้าของผู้ช่วยเหลืออาจปนเปื้อนได้ การสัมผัสทางผิวหนัง ถอดเสื้อผ้าที่ปนเปื้อนออก ถ้าเป็นไปได้ให้ทำขณะที่มีน้ำล้างอยู่ด้วยแล้วนำเสื้อผ้าเก็บไว้ในถุงใสปิดสนิทสองชั้นและเขียนป้ายกำกับไว้ เก็บไว้ในที่ปลอดภัยที่ห่างจากผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่ ล้างผิวหนังด้วยน้ำปริมาณมากโดยให้น้ำไหลผ่านไป การสัมผัสทางตา ล้างตาด้วยน้ำเกลือ (normal saline solution) อย่างน้อยเป็นเวลา 15 นาที การสัมผัสทางการกิน ให้ผู้ป่วยรับประทานน้ำ (ปริมาณไม่เกิน 50 - 100 มิลลิลิตร) การเฝ้าระวัง สื่อสารความเสี่ยงให้ประชาชนเข้าใจ การตรวจระดับโปรตีนในปัสสาวะ (beta-globulin) เป็นการตรวจที่ไวที่สุดของการเฝ้าระวังพิษจากแคดเมียม มูลนิธิสัมมาอาชีวะ พ.ศ. 2554 ไม่สงวนลิขสิทธิ์05 Nov 2024
09 Oct 2024
09 Oct 2024
20 Sep 2024
05 Nov 2024
05 Nov 2024
05 Nov 2024
05 Nov 2024
ข่าวสารสังคมนอกสื่อกระแสหลัก ข่าวสารความเคลื่อนไหว เกี่ยวกับเอ็นจีโอ ข่าวกิจกรรมเพื่อสังคม งานสัมนา สมัครงานเอ็นจีโอ ร้องเรียน แจ้งข่าว…ประนามประจาน !! ที่ได้รับความทุกข์ร้อนไม่เป็นธรรม