ธนะรัตน์ ธารากรณ์ "ครูพงษ์"ครูข้างถนน

996 10 Jul 2014

กว่า 15 ปีแล้วที่ นาย ธนะรัตน์ ธารากรณ์ (ครูพงษ์) ทำงานเป็นครูข้างถนน ที่มูลนิธิ สร้างสรรค์เด็กในฐานะ เจ้าหน้าที่โครงการครูข้างถนน ซึ่งปัจจุบันรับผิดชอบบริเวณหัวลำโพง แหล่งเร่ร่อนและที่อยู่อาศัยใหญ่ของเด็กด้อยโอกาสในกรุงเทพมหานคร ธนะ รัตน์ ธารากรณ์ หรือ ครูพงษ์ เจ้าหน้าที่โครงการครูข้างถนน เล่าให้ฟังถึงอดีตที่เคยเป็นเด็กด้อยโอกาส ครูพงษ์ เป็นเด็กรุ่นแรกของ มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก เมื่อก่อนครูพงษ์เป็นลูกคนงานก่อสร้างเมื่อพ่อแม้ย้ายไปที่ใหนก็ต้องย้ายตาม จึงไม่มีโอกาศได้เรียนหนังสือ วันนึงก็ได้มี โครงการครูข้างถนน มาเปิดที่แคมป์คนงานก่อสร้าง ครูพงษ์ ก็ได้เรียนหนังสือแต่เนื่องจาก ครูพงษ์ เป็นเด็กที่โตเกินเกณฑ์แล้วทางมูลนิธิจึงส่ง ครูพงษ์ ไปเรียน กสน.จนจบ ม.6 แล้วก็ได้เรียนต่อที่ ราชภัฏพระนคร เรียนภาคค่ำในขณะที่เรียนก็ได้ทำหน้าที่เป็นครูผู้ช่วยสอนเด็กด้อยโอกาสแถว หัวลำโพงพอเรียนจบแล้วก็ได้ทำงานที่ มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก ในตำแหน่งครู ที่มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก ตอนนี้มีเด็กที่อยู่ในโครงการที่มูลนิธิดูแลอยู่ 150 คน มีครู 25 คนที่ดูแลในโครงการต่างๆ ครูพงษ์เล่าแนวคิดในการแก้ปัญหาว่าเราจะทำยังไงก็ได้ให้เด็กพ้นวิกฤตต้องลง ไปทำงานเชิงรุกคือลงไปหาปัญหาเราจะไม่ทำงานโดยการนั่งรอปัญหา อย่างงานครูข้างถนนเราไปเจอเด็กเร่ร่อนที่นั่งขอทานอยู่เราก็ต้องไปถามไปคุย กับเด็กว่าพ่อเม่เป็นใครอยู่ที่ใหนก็ต้องไปคุยกับพ่อแม่ว่าทำไมต้องพาเด็กมา ขอทานมีปัญหาอะไรหรือป่าวก็ต้องหาแนวทางแก้ใขให้หรือให้ลูกมาอยู่ที่มูลนิธิ แล้วก็หางานให้แม่ทำเมื่อแม่มีงานหรือมีความพร้อมก็มารับลูกกลับไปนี่แหละ คือแนวทางแก้ปัญหาของครู ถ้าเราไม่ลงไปหาปัญหามัวแต่นั่งอยู่บนโต๊ะมันก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไร    ปัญหา เด็กเร่ร่อนจริงๆแล้วมันไม่ใช่ปัญหาของเด็กแต่มันเป็นปัญหาของผู้ใหญ่ คงไม่มีใครหลอกที่อยากออกมาเร่ร่อน ไม่มีอนาคต ไม่มีแน่นอน ถ้าเกิดพ่อแม่อยู่ด้วยกัน พี่น้องอยู่ด้วยกันก็จะช่วยลดปัญหานี้ได้มาก แต่ปัญหาคือ พ่อแม่ทะเลาะกัน พ่อแม่แยกทางกัน ผลกระทบอยู่ที่เด็กทันที พ่อไปทางแม่ไปทาง อยู่กับญาติ ญาติก็ไม่รัก ถูกใช้งานทำนู่น ทำนี่ เขาก็รู้สึกเบื่อ อ้างว้าง เขาก็ต้องผจญภัย แม้ไม่รู้ว่าชีวิตการเร่ร่อนเป็นอย่างไร แต่พอได้มาใช้ชีวิตบนถนนแล้ว พวกเขาก็ติดกับ มันอิสระ ทำอะไรก็ได้ถ้าเด็กอยู่ในที่ๆแวดล้อมด้วยสิ่งที่ไม่ดีก็มักจะ ดมกาวติดสารระเหย ค้ายา ติดสารเสพย์ติด การ สอนของ ครูพงษ์ ทุกวันนี้เปลี่ยนไปจากเมือ 10 ปีก่อนเมื่อก่อนจะมีเสื่อไปปูนั่งสอนเด็กก็จะมาเรียนแต่ทุกวันนี้สิ่งเหล่า นั้นได้จางหายไปการสอนของครูทุกวันนี้คือ สอนทักษะชีวิตมากกว่า คือไปที่หัวลำโพงพอเจอเด็กก็เข้าไปพูดคุยเอาขนมมาให้พาไปกินข้าวสร้างความ คุ้นเคยกับเด็ก ใน แนวทางแก้ปัญหาข้างหน้า ครูพงษ์ บอกว่าการแก้ปัญหาการทำงานของเราเป็นไปในทิศทางที่ถูกต้องแล้ว ครูจะพยายามให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงทำงานคล้ายๆกับเราคือลงมาแก้ป้ญ หาไม้ใช่นั่งแก้ปัญหาบนโต๊ะนั้นคือทิศทางการทำงานในวันข้างหน้าครูจะเพิ่ม เครือข่ายในการทำงานให้มากขึ้น มีทั้ง ครูเทศบาล ครู กสน. Ngo เมื่อมีการทำงานเพิ่มมากขึ้นผลก็คือจะสามารถลดปัญหาเด็กเร่ร่อนได้ ปัญหา เด็กเร่ร่อนมันเป็นปัญหาของผู้ใหญ่ไม่ใช่ปัญหาของเด็กพวกคุณสร้างเขาขึ้นมา แล้วไปโทษเด็กถ้าสถาบันครอบครัวเข้มแข็งแข็งแรง ปัญหาเด็กเร่ร่อนเด็กถูกทอดทิ้งคงไม่มีอยากให้สังคมตระหนักถึงครอบครัวให้ มากที่สุดผู้ปกครองควรมีความรับผิดชอบให้มาก ภาครัฐหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเด็กควรลงมาทำงานอย่างจริงๆจังๆให้ลง พื้นที่ให้มากจะได้รับรู้ถึงปัญหาที่แท้จริงเมื่อไม่ลงไปในพื้นที่ก็ไม่ สามารถรู้ถึงปัญหาที่แท้จริง อย่าตัดสินอไรด้วยหมึกปากกา

Contact Information

  • : มูลนิธิกองทุนไทย Thai Fund Foundation 2044/23 ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ บางกะปิ ห้วยขวาง กรุงเทพ 10310
  • : webmaster@thaingo.org
  • : 082 178 3849
  • : www.thaingo.in.th

Thai NGO

ข่าวสารสังคมนอกสื่อกระแสหลัก ข่าวสารความเคลื่อนไหว เกี่ยวกับเอ็นจีโอ ข่าวกิจกรรมเพื่อสังคม งานสัมนา สมัครงานเอ็นจีโอ ร้องเรียน แจ้งข่าว…ประนามประจาน !! ที่ได้รับความทุกข์ร้อนไม่เป็นธรรม