986 13 Dec 2012
ประกาศอก.ตามม.67.pdf อุดรธานี : เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2552 เวลา 10.30 น. ที่ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี ตัวแทนกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี ซึ่งเป็นกลุ่มชาวบ้านในพื้นที่ คัดค้านโครงการเหมืองแร่โปแตช จ.อุดรธานี จำนวน 12 คน รุดเข้ายื่นหนังสือผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ผ่านไปถึงรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรม (นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง) เพื่อคัดค้านประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง โครงการหรือกิจกรรมเกี่ยวกับการอุตสาหกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชน อย่างรุนแรง ทั้งด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ ซึ่งประกาศ ณ วันที่ 14 กันยายน 2552 ที่ผ่านมา ทั้ง นี้ สืบเนื่องจากคณะรัฐมนตรีได้มีมติในคราวประชุมเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2552 ให้กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการจัดทำบัญชีรายชื่อประเภทกิจการที่มีผลกระทบ อย่างรุนแรงตามหลักการมาตรา 67 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งได้บัญญัติว่า ...การดำเนินโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผล กระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ทั้งด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ จะกระทำมิได้ เว้นแต่จะได้ศึกษาและประเมินผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาน ในชุมชน และจัดให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนผู้มีส่วนได้เสียก่อน รวมทั้งได้ให้องค์กรอิสระซึ่งประกอบด้วยผู้แทนสถาบันอุดมศึกษาที่จัดการ ศึกษาด้านสิ่งแวดล้อมหรือทรัพยากรธรรมชาติหรือด้านสุขภาพ ให้ความเห็นประกอบก่อนมีการดำเนินการดังกล่าว... ดัง นั้น กระทรวงอุตสาหกรรมจึงได้จัดทำบัญชีรายชื่อประเภทกิจกรรมที่มีผลกระทบต่อ ประชาชนอย่างรุนแรงตามหลักการในมาตรา 67 วรรคสองของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เพื่อประโยชน์ในการบริหารงาน และป้องกันผลกระทบต่อประชาชน รวมทั้งอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประสงค์จะประกอบการอุตสาหกรรม และให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีที่ประชุมไปเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2552 ที่มอบให้กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการจัดทำบัญชีรายชื่อประเภทกิจการที่ รุนแรงตามมาตรา 67 ดังกล่าว กลุ่ม อนุรักษ์ฯ ยื่นหนังสือคัดค้านดังกล่าวโดยนายกิตติคุณ บุตรคุณ ผู้ช่วยป้องกันจังหวัด ได้รับเรื่องของกลุ่มชาวบ้านไว้เพื่อนำเสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัด และจะได้ดำเนินการต่อไปยังรัฐมนตรีอุตสาหกรรมตามลำดับ โดย นายถาวร มะโนศิลป์ แกนนำกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดอุดรธานี กล่าวว่า ประกาศกระทรวงฉบับนี้มีเนื้อหาที่หมกเม็ดในหลายประเด็น ซึ่งสังเกตได้จากการที่คณะรัฐมนตรีมีมติในคราวประชุมเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2552 ให้กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการจัดทำบัญชีรายชื่อประเภทกิจการที่มีผลกระทบ อย่างรุนแรงตามหลักการมาตรา 67 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแล้ว กระทรวงอุตสาหกรรม ก็รับลูกทันที เร่งรีบดำเนินการออกประกาศฯ ในวันที่ 14 กันยายน ที่ผ่านมา โดยใช้เวลาไม่ถึง 1 เดือน “พวก เราเป็นกลุ่มชาวบ้านผู้ที่มีส่วนได้เสียกับประกาศฯ จะขอคัดค้านจนถึงที่สุด เนื่องจากว่าประกาศฯ ดังกล่าวเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อนายทุน ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม แต่ไม่เคยรับฟังความคิดเห็นของชาวบ้านเลย ซึ่งถือว่าขาดการมีส่วนร่วมของประชาชน และขัดต่อรัฐธรรมนูญ” นายถาวรกล่าว นายถาวรต่อว่า “ยก ตัวอย่าง ตามบัญชีรายชื่อประเภทกิจการที่มีผลกระทบอย่างรุนแรง แนบท้ายประกาศฯ ข้อ1.ระบุว่าประเภทโครงการหรือกิจกรรมที่กำหนดเป็นกิจการรุนแรง ได้จำกัดเอาไว้เพียงการทำเหมืองใต้ดินเฉพาะวิธีออกแบบให้โครงสร้างยุบตัวภาย หลังการทำเหมือง โดยไม่มีค้ำยันและไม่มีการใส่วัสดุทดแทนเพื่อป้องกันการยุบตัว ทั้งๆที่การทำเหมืองด้วยวิธีการแบบนี้มีโอกาสดำเนินการได้น้อย และแทบเป็นไปไม่ได้ในเมืองไทย และที่เหมืองโปแตชตามโครงการระบุว่ามีเสาค้ำยัน นั่นแสดงว่าโครงการนี้ไม่ต้องทำรายงานสิ่งแวดล้อม และสุขภาพเลยก็ได้หรืออย่างไร นี่ก็คือรัฐกำลังตีความกฎหมายให้นายทุนปล้นชาวบ้าน” นายถาวรกล่าวสำทับ ด้านนายสุวิทย์ กุหลาบวงษ์ ผู้ประสานงานศูนย์ข้อมูลสิทธิมนุษยชนและสันติภาพ ภาคอีสาน เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า “ต้องดูให้ดีว่าประกาศกระทรวงในครั้งนี้ผลประโยชน์จะตกไปอยู่ที่ใคร นายทุน นักการเมือง หรือชาวบ้าน ซึ่งปัจจุบันกรณี มาตรา 67 ตามรัฐธรรมนูญ ฉบับปี2550 ถือว่าเป็นมาตราเดียวที่ให้ชาวบ้านมีสิทธิในการปกป้องชุมชน แต่กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ฉีกรัฐธรรมนูญทิ้ง เมื่อวันที่ 14 กันยายน ที่ผ่านมา โดยใช้ประกาศกระทรวงเป็นเครื่องมือ” นายสุวิทย์กล่าว นายสุวิทย์กล่าวต่อว่า “อยาก จะถามกระทรวงอุตสาหกรรมกลับว่า ถ้าคิดว่าโครงการเหมืองแร่โปแตชดีจริง ไม่เกิดผลกระทบอะไร ทำไมไม่เปิดโอกาสให้มีการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพอย่างรอบด้าน และ การออกประกาศกระทรวงในครั้งนี้ถ้ามีกลุ่มชาวบ้านออกมาชุมนุมคัดค้าน ก็จะนำไปสู่ความขัดแย้งและความรุนแรง แล้วถ้าชาวบ้านถูกจำกัดสิทธิไม่ให้ชุมนุมในการปกป้องสิทธิของชุมชน หาก จะใช้วิธีการอย่างอื่น จะว่าอย่างไร และใครต้องเป็นผู้รับผิดชอบ อีกทั้งองค์กรอิสระต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ควรจะมีบทบาทในการสร้างการมีส่วนร่วมให้ประชาชนเกิดการรับรู้ในกรณีมาตรา 67 ได้อย่างไร” นายสุวิทย์กล่าว /-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/--/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/ นายเดชา คำเบ้าเมือง สำนักข่าวประชาธรรมอุดรธานี ตู้ปณ.14 อ.เมือง จ.อุดรธานี 41000 โทรศัพท์ 081-3696266 E-mail: decha_61@yahoo.comAttachment | Size |
---|---|
ประกาศอก.ตามม.67.pdf | 2.05 MB |
05 Nov 2024
09 Oct 2024
09 Oct 2024
20 Sep 2024
05 Nov 2024
05 Nov 2024
05 Nov 2024
05 Nov 2024
ข่าวสารสังคมนอกสื่อกระแสหลัก ข่าวสารความเคลื่อนไหว เกี่ยวกับเอ็นจีโอ ข่าวกิจกรรมเพื่อสังคม งานสัมนา สมัครงานเอ็นจีโอ ร้องเรียน แจ้งข่าว…ประนามประจาน !! ที่ได้รับความทุกข์ร้อนไม่เป็นธรรม