สรุปสถานการณ์ ตำบลดงมะไฟ อำเภอสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบัวลำภู เรื่อง โรงโม่หิน บ้านผาซ่อน โชคชัย ตำบลดงมะไฟ วันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๕

2000 06 Dec 2012

สรุปสถานการณ์ ตำบลดงมะไฟ อำเภอสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบัวลำภู เรื่อง โรงโม่หิน บ้านผาซ่อน โชคชัย ตำบลดงมะไฟ วันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๕ @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
  • ๑. ปี ๒๕๓๖ โรงเรียนบ้านผาซ่อนโชคชัย ตำบลดงมะไฟ อำเภอสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบัวลำภู มีการนำหลักสูตรโครงการสวนพฤกษศาสตร์ในโรงเรียนในโครงการพระราชดำริสมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้รับโล่รางวัลมากมายจากการส่งโครงการเข้าประกวดจากหน่วยงานต่าง ๆ
  • ๒. ปี ๒๕๔๒ เพื่อให้เกิดโครงการต่อเนื่อง โรงเรียนบ้านผาซ่อนโชคชัย ได้มีการนำหลักสูตรท้องถิ่น เรื่องการอนุรักษ์ฟื้นฟูป่าชุมชน เขาเหล่าใหญ่ ผาจันได เข้าบรรจุไว้เพื่อเป็นหลักสูตรในการสอนเด็กนักเรียนระดับประถมศึกษาและขยาย โอกาสในเบื้องต้น โดยใช้พื้นที่ดังกล่าว ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติเป็นแหล่งอาหารของคนในชุมชน เป็นแหล่งเรียนรู้นอกห้องเรียนสำหรับเด็กและผู้ที่สนใจจากภายนอก
  • ๓. ปี ๒๕๔๓ อุตสาหกรรมจังหวัดหนองบัวลำภู ป่าไม้จังหวัดหนองบัวลำภู ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู ประกาศให้เขตพื้นที่ ภูผารวก ผาจันได เขาเหล่าใหญ่ เป็นพื้นที่ที่ได้รับประทานบัตรให้ทำการขุดเจาะเพื่อสร้างโรงโม่หิน โดยมีผู้ประกอบการคือ นายดุสิต  ตรีวัฒน์สุวรรณ ตั้งแต่ เดือนกันยายน ๒๕๔๓-กันยายน ๒๕๕๓ เป็นระยะเวลา ๑๐ ปี
  • ๔. ปี ๒๕๔๔ โรงเรียนบ้านผาซ่อนโชคชัย ได้รับการประกาศให้ได้รับรางวัลลูกโลกสีเขียว ในเรื่องหลักสูตรท้องถิ่น เรื่องการอนุรักษ์ฟื้นฟูป่าชุมชน เขาเหล่าใหญ่ ผาจันได ที่สามารถจัดการได้จริง ภายใต้พื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์และศักยภาพของคนในพื้นที่ด้วย
  • ๕. ใน ห้วงระยะเวลา ๑๐ ปี (กันยายน ๒๕๔๓-กันยายน ๒๕๕๓) ในพื้นที่เกิดการกระทบกระทั่งกันระหว่างผู้ประกอบการกับคนในชุมชนที่จะได้ รับผลกระทบ ถ้าเกิดมีการสร้างโรงโม่หินขึ้นในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งการต่อสู้ของชาวบ้านก็เป็นการต่อสู้แบบลำพังเพียงฝ่ายเดียว ไม่เคยมีหน่วยงานราชการเข้ามาให้การสนับสนุนชาวบ้านในการต่อสู้แต่อย่างใด ประกอบกับการรุกคืบของผู้ประกอบการ ทั้งการซื้อแกนนำชาวบ้าน การจ่ายเงินผ่านช่องทางต่าง ๆ ของระบบนายทุน ทำให้เกิดความแตกแยกของคนในชุมชน สุดท้ายชาวบ้านที่ร่วมกันต่อสู้ ต้องพ่ายแพ้ไปเพราะไม่สามารถรู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของนายทุน โดยมีหน่วยงานรัฐให้ความช่วยเหลืออยู่เรื่อยมา มีการฟ้องร้องขึ้งโรงขึ้นศาลหลายต่อหลายครั้ง หลายคนโดนจับติดคุกติดตาราง หลายคนโดนสังคมประณามว่าถ่วงความเจริญ และที่ร้ายกว่านั้นได้เกิดความสูญเสียถึงชีวิตจำนวน ๔ ราย โดนที่ไม่มีหน่วยงานไหนให้ความสำคัญกับการต่อสู้ของพี่น้องในครั้งนั้นเลย
  • ๖. ปี พ.ศ.๒๕๕๔ ผู้ประกอบการ ได้มีการยื่นหนังสือขอเพื่อขอต่ออายุประทานบัตรเพื่อใช้พื้นที่ดังกล่าว ในการทำโรงโม่หิน เพราะเนื่องจากว่าการขอประทานบัตรในครั้งแรก(กันยายน ๔๓-กันยายน๕๓) ไม่สามารถใช้ประโยชน์ในพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตได้ เนื่องจากมีชาวบ้านมาร้องคัดค้าน ว่าไม่ใช่พื้นที่ป่าเสื่อมโทรมที่จะสามารถเปลี่ยนเป็นโรงโม่หินได้ จึงต้องรอกระบวนการตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสียก่อน โดยการขอต่อประทานบัตรใหม่นี้โดยได้ยื่นหนังสือผ่านมายังหน่วยงานราชการคือ อุตสาหกรรมจังหวัด ป่าไม้จังหวัด และสุดท้ายผู้ว่าราชการจังหวัด ปรากฏว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู ลงนามอนุญาตให้มีการต่ออายุประทานบัตรเพื่อเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดัง กล่าว (ภูรวก ผาจันได เขาเหล่าใหญ่) และมีการนำแผ่นป้ายไปติดประกาศ ให้ประชาชนรับทราบว่า พื้นที่ดังกล่าวได้รับอนุญาตให้ นายดุสิต  ตรีวัตน์สุวรรณ เข้าใช้ทำประโยชน์ได้ โดยในการขอต่อใบประทานบัตรในครั้งนี้ มีการแนบเอกสารต่าง ๆ ทั้งบันทึกรายงานการประชุมจาก อบต.ดงมะไฟ เวทีประชาคมจากชุมชนที่อยู่รอบพื้นที่ดังกล่าว รายละเอียดครบถ้วน
  • ๗. วัน ที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๕ ชาวบ้านที่ทราบข่าวว่ามีการต่ออายุประทานบัตรในการใช้พื้นที่ได้ พากันเดินทางมาทวงถามจากผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู ว่าอนุญาตได้อย่างไร ในเมื่อไม่ได้มีการทำเวทีประชาคมเพื่อสอบถามคนในชุมชนก่อน แต่ก็ได้รับการยืนยันจากรองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู ปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู ยืนยันว่ามีการทำเวทีประชาคมแล้ว โดยได้นำเอกสารมายืนยัน และถ่ายสำเนาให้กับกลุ่มชาวบ้านจำนวน ๑ ชุด
    • ก. จา การตรวจสอบเอกสารพบว่า บันทึกรายงานการประชุมของ องค์การบริหารส่วนตำบลดงมะไฟ ที่มีการประชุมตามที่กล่าวอ้าง ปรากฏว่าเป็นเอกสารเท็จที่ทำแนบกับวาระการประชุมปกติ ของ อบต.ขึ้นมา
    • ข. เวที ประชาคมทั้ง หมู่ ๘ บ้านผาซ่อน และหมู่ ๑๑ บ้านโชคชัย ก็มีมติแฝงที่มีการทำขึ้นโดยที่ชาวบ้านไม่ได้รับรู้เลยถึงเรื่องการอนุญาต ให้สร้างโรงโม่หิน
    • ค. จาก เวทีทั้ง ๓ เวทีของข้อ ก และ ข มีผู้เข้าร่วมประชุม ๒๔๒ คน มีคนที่เห็นด้วยในการให้สร้างโรงโม่หิน จำนวน ๑๙๘ คน มีคนที่ไม่เห็นด้วย ๔๔ คน
    • ง. ทั้ง นี้ชาวบ้านทุกเวทีไม่รับรู้รับทราบว่ามีการประชุมเรื่องโรงโม่หิน โดยมีการนำบัญชีรายชื่อแนบท้ายในรายงานการประชุมทุกเวที ชาวบ้านจึงเห็นว่าเป็นการแอบอ้างชื่อ ถือว่าละเมิดสิทธิ์ และเป็นการทำเอกสารปลอมเพื่อขอต่อประทานบัตรเพื่อประโยชน์แก่นายทุน
    • จ. ชาว บ้านที่ได้รับการแอบอ้างชื่อจึงได้ดำเนินการแจ้งความ ต่อสถานีตำรวจภูธรจังหวัดหนองบัวลำภู เพื่อบันทึกเป็นหลักฐานว่ามีการแอบอ้างใช้ชื่อ โดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม
  • ๘. วัน ที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๕๕ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ฯ ได้เชิญตัวแทน คือ ผู้ประกอบการ ผู้ว่าราชการจังหวัด อุตสาหกรรมจังหวัด ป่าไม้จังหวัด และตัวแทนชาวบ้าน ได้ให้ทุกส่วนได้ให้ข้อมูลแก่คณะกรรมการสิทธิ์ โดยมีสภาทนายความเข้าร่วมรับฟังข้อมูลในครั้งนี้ จัดขึ้น ณ สำนักงานสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร โดยมติของเวทีในครั้งนี้ ให้ชะลอการดำเนินการใด ๆ ในพื้นที่เพื่อรอกระบวนการตรวจสอบจนกว่าจะแล้วเสร็จ
  • ๙. วัน ที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๕ ผู้ประกอบการได้นำรถบรรทุกขนาดใหญ่ พร้อมรถแบล็คโฮล เข้าในพื้นที่ที่จะมีการสร้างโรงโม่หิน พร้อมทั้งนำเชือกในล่อนขึงล้อมรอปบริเวรพร้อมติดข้อความเตือน “บุคคลภายนอกห้ามเข้า” ชาวบ้านก็ไม่กล้าเข้าเพราะกลัวเกิดอันตราย แต่ในขณะเดียวกันผู้ประกอบการก็ไม่ได้ฟังข้อเสนอของกรรมการสิทธิ์ ที่บอกว่าให้ชะลอการดำเนินการใดๆ จนกว่าจะผ่านกระบวนการตรวจสอบเสร็จสิ้นดังกล่าว
  • ๑๐. วัน ที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ชาวบ้านในพื้นที่ตำบลดงมะไฟได้มีการทำผ้าป่าเพื่อระดมทุนในการยื่นหนังสือ ต่อหน่วยงานต่าง ๆ โดยมีทีมนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม และ “เครือข่ายคนหนุ่มสาวภาคอีสาน” ได้เงินทุนเริ่มต้น ๑๓,๐๒๙ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในการต่อสู้ในครั้งนี้ เพราะที่ผ่านมาชาวบ้านต้องระดมกันทุกครั้งที่มีการเคลื่อนไหว ขอจากพระบ้าง ทั้งข้าวปลาอาหารชาวบ้านก็ออกกันเอง โดยที่ไม่มีหน่วยงานราชการไหนให้การสนับสนุน ตรงกันข้ามมีแต่บอก “ให้หยุด”
  • ๑๑. วัน ที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ชาวบ้านได้เดินทางเพื่อยื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัด และสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองหนองบัวลำภู ให้ดำเนินการเรียกผู้ที่ปลอมแปลงเอกสารมาสอบปากคำและดำเนินคดีต่อไป และได้รับการยืนยันว่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๕ นี้ ปัจจุบันชาวบ้านกำลังรอการดำเนินการการตรวจสอบจากหน่วยงานของภาครัฐเพื่อเอา คนผิดมาลงโทษ ฐานการปลอมแปลงเอกสาร แต่ก็โดนเตะถ่วง จากหน่วยงานราชการ ที่อ้างโน้นอ้างนี่ ระหว่างอำเภอสุวรรณคูหา และอำเภอเมืองจังหวัดหนองบัวลำภู ว่าเอกสารที่เจอ ๆ ในพื้นที่ใดก็ต้องแจ้งความดำเนินคดีกับพื้นที่นั้น ๆ จึงจะเห็นได้ว่าหน่วยงานภาครัฐพยายามยืดเวลา เพื่อให้เกิดความเหนื่อยเมื่อยล้ากับชาวบ้านที่ทำการต่อสู้ประกอบกับ ตั้งแต่เดือน มิถุนายน – ธันวาคม กว่า ๗ เดือน เป็นช่วงเวลาการทำการเกษตรการเพาะปลูกของพี่น้อง ดังนั้นแรงที่จะร่วมต้านร่วมหนุนทีมก็จะลดน้อยถอยลงทุกที เพราะทุกคนก็ต้องประกอบอาชีพเพื่อเลี้ยงครอบครัวตัวเอง จึงหวังแต่เพียงว่า “ข้าราชการ ข้าราษฎร์ของแผ่นดิน” จะเห็นความเดือดร้อนของชาวบ้านบ้างมากว่าสิ่งอื่นใด
  • ๑๒. วัน ที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๕๕ ทีมสภาทนายความและคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้เข้าพื้นที่ เพื่อเก็บข้อมูลเพิ่มเติม และแนะนำการเตรียมการเพื่อจัดทำเอกสารเพื่อยื่นฟ้องต่อศาลปกครองเพื่อให้ เพิกถอนใบอนุญาตการเข้าใช้ประโยชน์จากที่ดินของกลุ่มนายทุน
  • ๑๓.วันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๕ ผู้สื่อข่าวจาก สถานีโทรทัศน์แพร่ภาพและการกระจายเสียงแห่งประเทศไทย Thai PBS ได้ ลงพื้นที่เพื่อทำข่าว กรณี ชาวบ้านตำบลดงมะไฟคัดค้านการก่อสร้างโรงโม่หินในพื้นที่ โดยได้ขอข้อมูลจากแกนนำในพื้นที่และได้เข้าพบผู้ว่าเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม และทำการถ่ายทอดออกอากาศในวันเสาร์ ที่  ๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๕ หลังจากการนำเสนอของสื่อไปแล้ว ได้เกิดกระแสในการต่อต้านเพิ่มมากขึ้น ทำให้ชาวบ้านมีกำลังใจในการที่จะยื่นหนังสือเพื่อคัดค้านโรงโม่ต่อไป
  • ๑๔.วัน ที่ ๖-๘ มิถุนายน ๒๕๕๕ กลุ่มแกนนำและชาวบ้าน ได้ทำการเดินป่าเพื่อสำรวจความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า เพื่อศึกษาและเก็บข้อมูลความหลากหลายในสายพันธุ์ทั้งพันธุ์พืชและพันธุ์ สัตว์ โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ กว่า ๓๐ คน
 

Contact Information

  • : มูลนิธิกองทุนไทย Thai Fund Foundation 2044/23 ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ บางกะปิ ห้วยขวาง กรุงเทพ 10310
  • : webmaster@thaingo.org
  • : 082 178 3849
  • : www.thaingo.in.th

Thai NGO

ข่าวสารสังคมนอกสื่อกระแสหลัก ข่าวสารความเคลื่อนไหว เกี่ยวกับเอ็นจีโอ ข่าวกิจกรรมเพื่อสังคม งานสัมนา สมัครงานเอ็นจีโอ ร้องเรียน แจ้งข่าว…ประนามประจาน !! ที่ได้รับความทุกข์ร้อนไม่เป็นธรรม