1682 30 Oct 2012
“อัคราไมนิ่ง” ทุ่ม 4 พันล้านบาท ขยายโรงสกัดทอง เพิ่มรายได้ทะลุ 7 พันล้านบาทต่อปี รับกระแสตลาดทองโลกพุ่งกระฉุด เล็งขยายลงทุนเหมืองทองไปประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมประสานความร่วมมือในอาเซียนดันไทยให้เป็นศูนย์กลางการผลิตทองของ ภูมิภาค จี้รัฐหนุนอุตสาหกรรมเหมืองแร่โดยเฉพาะบริษัทที่ใช้เมทคโนโลยีสะอาด ไม่กระทบสิ่งแวดล้อม และตรวจสอบเหมืองขนาดเล็กเข้มงวด เพื่อไม่ให้เกิดภาพลบกับอุตสาหกรรมเหมืองแร่ทั้งประเทศ ปกรณ์ สุขุม กรรมการผู้จัดการ บริษัท อัคราไมนิ่ง จำกัดเปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างการขยายโรงงานสกัดโลหะทองคำและเงินออกจากสินแร่ แห่งใหม่ มีกำลังการผลิต2.7 ล้านตัน/ปี ใช้เงินลงทุน 4 พันล้านบาทคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนพ.ย.นี้ ทำให้บริษัทฯมีกำลังการสกัดแร่โลหะทองคำเพิ่มขึ้นเป็น 5 ล้านตัน/ปีสอดคล้องกับประทานบัตรที่บริษัทฯได้รับ14 แปลง ซึ่งจะสร้างรายได้บริษัทฯเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่มีรายได้ปีละ 5 พันล้านบาท เป็น7 พันล้านบาท ทั้งนี้จากราคาทองคำที่เพิ่มสูงขึ้นในระดับ 1,300 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์จึงมีความคุ้มทุนในการทำเหมืองได้ลึกขึ้นทำให้ปริมาณสำรองสินแร่ทองคำเพิ่มขึ้นจากเดิม61 ล้านตันเป็น 100 ล้านตัน และขยายอายุการทำเหมืองทองคำได้นานขึ้นเป็น 15-18 ปี ส่วนปีนี้คาดว่าราคาทองคำจะทรงตัวอยู่ที่ระดับ 1,300-1,400 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ เนื่องจากมีกำลังซื้อจากจีนและอินเดียเพิ่มขึ้น ไม่ เพียงแต่จะเร่งผลิตแร่ทองคำในประเทศเท่านั้น บริษัทฯยังมีแผนที่จะขยายการลงทุนในยังประเทศเพื่อนบ้าน ล่าสุดได้ส่งทีมเข้าไปศึกษาแหล่งแร่ทองคำและเงินในลาวแล้ว และมีแผนจะส่งทีมเข้าไปดูในพม่าด้วย เนื่องจากคาดการณ์ว่าทั้งลาวและพม่าน่าจะมีสายแร่ทองคำเช่นเดียวกับไทย ขณะเดียวกันบริษัทได้รับอนุมัติอาชญาบัตรในการสำรวจแร่ทองคำที่พิจิตรและ พิษณุโลก คิดเป็นพื้นที่ 4.6 แสนไร่ ส่วนเพชรบูรณ์ และ บางพื้นที่พิจิตรยังไม่ได้รับอนุมัติอาชญาบัตร คาดว่าปีนี้จะใช้เงินประมาณ 10 ล้านเหรียญสหรัฐสำหรับการเข้าไปสำรวจแหล่งแร่ทองคำดังกล่าว นอก จากนี้ บริษัทฯยังศึกษาความเป็นไปได้ในการตั้งโรงแยกทองคำและเงินบริสุทธิ์ในไทย หากมีการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางอุตฯทองคำแบบครบวงจร เนื่องจากโรงงานดังกล่าวต้องมีปริมาณทองคำป้อนมากกว่าที่บริษัทฯผลิตอยู่ 8-10 เท่าจึงจะคุ้มการลงทุน โดยจำเป็นต้องร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนที่มีเหมืองแร่ทองคำเช่น ลาว พม่าและกัมพูชามาป้อนแท่งโลหะทองคำและเงิน จึงจะมีปริมาณแร่เพียงพอกับการลงทุนซึ่งจะทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตทอง ของภูมิภาค คาดว่าโครงการดังกล่าวจะเป็นโครงการระยะยาวไม่ต่ำกว่า 8-10 ปีข้างหน้า สำหรับกรณีที่รมว.อุตสาหกรรมสั่งให้บริษัทฯหยุดดำเนินการทำเหมืองในแปลงเฟส 2 ทางเหนือ จำนวน 9 แปลงในช่วงเวลากลางคืนตั้งแต่เวลา 19.00-05.00น. จนกว่าจะมีการแก้ไขปัญหาเสียงดังตามที่มีชาวบ้านร้องเรียนนั้นบริษัทฯขอยืน ยันว่าเสียงที่เกิดระหว่างการทำงานนั้นต่ำกว่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ ที่ผ่านมาบริษัทได้ส่งทีมงานตรวจสอบสิ่งแวดล้อมและความดังของเสียงอยู่เสมอ แต่เพื่อไม่ให้เกิดข้อพิพาทอีก บริษัทฯจึงได้มีการสร้างกำบังเสียงยาวกว่า 100 เมตร สูง 6-7 เมตรซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการทดสอบแล้วจะเสนอไปยังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่ออนุญาตให้บริษัทฯสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ รวมทั้งได้มีการติดตั้งเครื่องกรองน้ำที่สามารถกรองโลหะหนักใกล้ครบทุก พื้นที่ ยังขาดเพียง 2 หมู่บ้าน โดยจะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จในเร็วๆนี้ และผลการตรวจเลือดจากชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียงเหมืองฯไม่พบว่ามีสิ่งผิด ปกติแต่อย่างใด อย่าง ไรก็ตาม ที่ผ่านมารัฐบาลไม่ค่อยได้ให้ความสำคัญในอุตสาหกรรมเหมืองแร่เท่าที่ควร ทั้งๆที่ประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านมีแหล่งทรัพยากรอยู่อีกมาก สามารถขุดขึ้นมาทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติได้อย่างมหาศาล ซึ่งถ้าหากรัฐไม่สนับสนุนก็จะเป็นการฝังสมบัติของชาติไว้ใต้ดินโดยไม่ก่อให้ เกิดประโยชน์ใดๆทั้งสิ้นกับระบบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ทั่วโลกและประเทศไทยต่างต้องการทรัพยากรเข้ามา ป้อนอุตสาหกรรมในประเทศที่กำลังขยายตัวทำให้แร่ธาตุต่างๆมีมูลค่าสูงขึ้นมาก และถ้ายิ่งปล่อยเวลาออกไปโดยไม่เหลียวแลอุตสาหกรรมนี้ ก็จะยิ่งทำการสำรวจและผลิตได้ยาก เพราะที่ดินจะมีราคาแพงขึ้นเรื่อยๆโดยไม่คุ้มค่ากับการลงทุน โดยหลายประเทศทั่วโลก เช่น ออสเตรเลีย และหลายประเทศในแอฟริกา ต่างก็สนับสนุนในอุตสาหกรรมแขนงนี้ ทำให้สร้างเม็ดเงินให้กับประเทศอย่างมหาศาล ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้จ่ายค่าภาคหลวงให้รับไปแล้วกว่า 1 พันล้านบาท ในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา ทั้ง นี้ที่ผ่านมายอมรับว่ามีเหมืองแร่หลายแห่งที่ดำเนินกิจการโดยขาดความรับผิด ชอบซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้ประกอบการรายเล็ก ทำให้ภาพพจน์ของอุตสาหกรรมเหมืองแร่เสียหาย ซึ่งในความเป็นจริงบริษัทเหมืองแร่ขนาดใหญ่ล้วนมีกระบวนการผลิตที่ได้ มาตรฐาน มีระบบป้องกันผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวด ดังนั้นรัฐบาลจึงควรให้การสนับสนุนบริษัทที่มีมาตรฐานการผลิตที่ดีมี เทคโนโลยีสะอาด และควบคุมแหมืองแร่ที่ไม่รับผิดชอบออกไปจากระบบเพื่อไม่ให้อุตสาหกรรมนี้ เกิดความเสียหาย ที่มา http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=955000003976605 Nov 2024
09 Oct 2024
09 Oct 2024
20 Sep 2024
05 Nov 2024
05 Nov 2024
05 Nov 2024
05 Nov 2024
ข่าวสารสังคมนอกสื่อกระแสหลัก ข่าวสารความเคลื่อนไหว เกี่ยวกับเอ็นจีโอ ข่าวกิจกรรมเพื่อสังคม งานสัมนา สมัครงานเอ็นจีโอ ร้องเรียน แจ้งข่าว…ประนามประจาน !! ที่ได้รับความทุกข์ร้อนไม่เป็นธรรม