อปท.เชียงราย ฮือต้าน “เครืออิตัลไทย” ขนลิกไนต์พม่าผ่านป่า

772 24 Oct 2012

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 พฤศจิกายน 2553 13:38 น. เชียงราย - ชมรมท้องถิ่นไทยเหลืออด รวมตัวชุมนุมต้าน “สระบุรีถ่านหิน-เครืออิตัลไทย” หลังไม่ยอมหยุดโปรเจกต์ขนถ่านหินจากพม่าผ่าน “ม้งเก้าหลัง-แม่ฟ้าหลวง” แถมล่าสุดเชิญผู้ว่าฯ เปิดประชุมแจง อีไอเอ 25 พ.ย.นี้อีก ผู้นำ อปท.ทั่วจังหวัด จี้ผู้ว่าฯ หาทางสั่งระงับเวทีด่วน ย้ำเจตนารมณ์ไม่ยอมรับกรรมใดๆ เพื่อแลกกับผลประโยชน์เอกชนรายเดียว วันนี้ (8 พ.ย.) ที่หน้าศาลากลางจังหวัดเชียงราย บรรดานายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และสมาชิกสภา อบต.ทั่วจังหวัดในนามชมรมท้องถิ่นไทย จ.เชียงราย ประมาณ 50 คน นำโดยนายสุวิทย์ แก้วพนัส ประธานชมรมและนายก อบต.แม่กรณ์ อ.เมืองเชียงราย ได้พากันไปปักหลักชุมนุมกางเต็นท์ ใช้เครื่องขยายเสียงปราศรัย ชูป้ายต่อต้านบริษัท สระบุรีถ่านหิน จำกัด ซึ่งเป็นเอกชนในเครืออิตัลไทย ได้ดำเนินโครงการขอขนถ่านหินลิกไนต์จากเหมืองถ่านหินเมืองก๊ก ประเทศพม่า ผ่านเข้ามาทางหมู่บ้านม้งเก้าหลัง หมู่ 9 ต.เทอดไทย อ.แม่ฟ้าหลวง นายสุวิทย์ได้แจ้งถึงสาเหตุที่ต้องมาร่วมชุมนุมกันในครั้งนี้ว่า ชมรมฯ ติดตามความเคลื่อนไหวของบริษัท และพบว่าตลอดระยะเวลาร่วม 1 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าเอกชนจะยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงแนวทางโครงการ โดยได้มีความพยายามจะนำเข้าถ่านหินลิกไนต์จำนวนมหาศาลผ่านเส้นทางดังกล่าว กระทั่งล่าสุดได้มีการแจ้งหนังสือถึงนายสมชัย หทยะตันติ ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเชิญไปร่วมประชุมรับฟังความคิดเห็นต่อผลการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โครงการก่อสร้างถนน 2 เส้นทางใน ต.เทอดไทย ที่ห้องประชุมโรงเรียนต้าถงวิทยาคม ต.เทอดไทย ในวันที่ 25 พ.ย.นี้ ตั้งแต่เวลา 14.00-18.00 น. นายสุวิทย์กล่าวว่า พวกเราชาวท้องถิ่นใน จ.เชียงราย คงยอมไม่ได้ ที่จะให้มีการขนถ่านหินจำนวนมหาศาลผ่านชายแดนไทย-พม่า ซึ่งมีป่าไม้อุดมสมบูรณ์ และตลอดรายทางก็ต้องส่งผลกระทบด้านต่างๆ มากมาย ทั้งเรื่องมลพิษ การท่องเที่ยว สิ่งแวดล้อม การจราจร ฯลฯ โดยเฉพาะเชียงรายเป็นเมืองท่องเที่ยวด้วย พวกเราจึงไม่อยากให้ผู้ว่าราชการจังหวัดไปเป็นประธานในการประชุมดังกล่าว “พวกเราต้องการยืนยันชัดเจนอยู่แล้วว่า ต้องการให้ยุติการประชุมครั้งนี้เสีย” ก่อนการประชุมรับฟังอีไอเอจะเกิดขึ้น พวกเราจะพาชาวบ้านมาชุมนุมกันให้มากกว่านี้ เพื่อรอคำฟังตอบจากจังหวัดอีกครั้งและในวันประชุม หากว่ายังจัดขึ้นอีกก็จะพากันไปบล็อกทุกรูปแบบ เพื่อไม่ให้มีการประชุมเกิดขึ้น “เราจะไม่ยอมรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อแลกกับผลประโยชน์ของเอกชนเพียงรายเดียวแน่นอน” ด้าน นางอรัญญา บัญตานนท์ นายก อบต.ท่าสาย อ.เมืองเชียงราย กล่าวว่า พวกเราไม่ต้องการให้มีการประชุมเพื่อรับฟังอีไอเอ เพราะหากว่ามีก็จะเป็นการเปิดทางให้ไปสู่ขั้นตอนอื่นๆ ต่อไป รวมทั้งย่อมทำให้ประชาชนมีความเห็นแตกเป็นสองฝ่าย ก็จะเกิดปัญหาเกี่ยวกับความขัดแย้งเพิ่มเติมเข้ามาอีก จึงคาดหวังว่าจังหวัดจะสนับสนุนเพื่อไม่ให้การประชุมดังกล่าวเกิดขึ้นได้ นายวุฒิพงศ์ สวรรณโชติ นายก อบต.แม่สลองนอก อ.แม่ฟ้าหลวง กล่าวว่า ปัจจุบันเอกชนต้องการสร้างถนน 2 สายผ่านพื้นที่หมู่บ้านม้งเก้าหลัง เข้ามาสู่ถนนสาย ต.ป่าซาง อ.แม่จัน-ดอยแม่สลอง อ.แม่ฟ้าหลวง ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวก็เป็นป่าไม้ และทางกรมป่าไม้ก็ไม่อนุญาตให้ดำเนินการ แต่ก็ยังคงมีความพยายามของเอกชนรายนี้อยู่ ดังนั้น ไม่ว่าเอกชนจะจัดกิจกรรมใดๆ ขึ้นมาตามขั้นตอน พวกเราก็จะต่อต้านโครงการนี้ให้ถึงที่สุด ต่อมานายสุรชัย ลิ้นทอง รองผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ได้เข้าไปรับหนังสือคัดค้านการประชุมจากกลุ่มผู้ชุมนุมและยืนยันว่า ทางจังหวัดเพียงแต่ได้รับหนังสือเชิญจากเอกชน ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ไปเป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมเท่านั้น และหนังสือก็อยู่ในขั้นตอนการรับจากเจ้าหน้าที่และยังไม่ผ่านการพิจารณาจาก ตน ดังนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดจึงยังไม่ทราบเรื่องแต่อย่างใด ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมพอใจ นายสุรชัยได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่า บริษัท สระบุรีถ่านหินฯ ได้มีการยื่นหนังสือต่อทั้งจังหวัดและกระทรวงมหาดไทย เพื่อขอดำเนินโครงการดังกล่าว หลังจากที่ได้รับอนุญาตจากกรมศุลกากรให้เปิดช่องทางที่ไม่ใช่จุดผ่านแดนถาวร ตามปกติไปแล้วเมื่อปีก่อน แต่เนื่องจากเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงานทั้งทหาร ป่าไม้ กระทรวงการต่างประเทศ ฯลฯ จึงยืนยันว่าโครงการยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ นอกจากนี้ ยิ่งมีการต่อต้านจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จึงเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณากันอย่างละเอียดรอบคอบ และจังหวัดจะนำความต้องการนี้เสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังจากก่อนหน้านี้ ก็เคยนำเสนอความไม่เห็นด้วยของฝ่ายต่างๆ ไปยังคณะกรรมาธิการ สภาผู้แทนราษฎร ที่เกี่ยวข้องซึ่งลงไปดูพื้นที่มาแล้ว รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ก่อนการชุมนุมนายถาวร ตรีรัตน์ณรงค์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ระบบสัดส่วนภาคเหนือ พรรคเพื่อไทย และนายสฤษฎ์ อึ้งอภินันท์ ส.ส.เขต 1 เชียงราย พรรคเพื่อไทย ได้เข้าไปพบปะและรับเรื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมด้วยโดย นายสฤษฎ์ รับปากว่า จะเรียกร้องให้บรรดา ส.ส.ทั่วภาคเหนือออกมาต่อต้านร่วมกัน เพราะหากมีการขนถ่านหินลิกไนต์จริง ก็จะกระทบไปถึงจังหวัดต่างๆ ตามรายทางด้วย สำหรับโครงการของบริษัทสระบุรีถ่านหินฯ ในเครืออิตัลไทยดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากบริษัทสระบุรีถ่านหิน จำกัด ได้รับสัมปทานทำเหมืองถ่านหินลิกไนต์ เหมืองเมืองก๊ก ห่างจากหมู่บ้านม้งเก้าหลังเข้าไปในพม่าประมาณ 68 กิโลเมตร เป็นเวลานาน 30 ปี เพื่อขุดถ่านหินลิกไนต์ขึ้นมามูลค่าประมาณ 270,000 ล้านบาท โดยรัฐบาลพม่าอนุญาตให้นำออกมาผ่านช่องทางนี้ แต่ไม่ให้ขนผ่านไปทางจุดผ่านแดนถาวร อ.แม่สาย ซึ่งห่างออกไปประมาณ 70-80 กิโลเมตร ช่วงที่ผ่านมาบริษัทสระบุรีถ่านหินฯ จึงได้มีการประชาสัมพันธ์ว่าจะมีการขนถ่านหินลิกไนต์ผ่านเข้ามาทางถนนม้ง เก้าหลัง-สามแยกอีก้อ-ต.ป่าซาง อ.แม่จัน-ถนนพหลโยธินสายเชียงราย-สระบุรี โดยรถบรรทุกจะมีขนาด 6-10 ล้อวันละ 200 คันๆ ละ 15-26 ตัน หรือวันละกว่า 5,200 ตัน โดยหลังจากออกจากชายแดนแล้ว มีแผนจะนำไปพักที่ลานเก็บชั่วคราวที่หมู่บ้านใหม่พัฒนา หมู่ 14 ต.ป่าซาง อ.แม่จัน ใกล้กับถนนพหลโยธิน ห่างจากช่องแม่โจ๊กหมู่บ้านม้งเก้าหลัง ประมาณ 77 กิโลเมตร ก่อนจะขนส่งต่อไปยังโรงงานอุตสาหกรรมผลิตปูนซีเมนต์ของบริษัท ที่ จ.สระบุรี ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้บริษัทเทคนิคสิ่งแวดล้อมไทย จำกัด เข้าไปทำความเข้าใจกับประชาชน เพราะได้มีการขออนุญาตสร้างถนน 2 สายจากหมู่บ้านม้งเก้าหลัง ไปบรรจบกับถนนสายปกติที่เชื่อมระหว่างม้งเก้าหลัง-เทอดไทย แบ่งเป็น 2 ระยะคือระยะ 4 กิโลเมตร และ 7 กิโลเมตรตามลำดับ นอกจากนี้ บริษัทได้ประชาสัมพันธ์ในหลายด้าน เช่น การขนส่งก็จะใช้ผ้าใบคลุมรถให้มิดชิดและการขนถ่านที่ลานเปลี่ยนถ่านที่ ต.ป่าซาง ก็จะทำให้รวดเร็ว มีการจำกัดความเร็วของรถบรรทุกไม่ให้เกิน 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตั้งสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ ซ่อมบำรุงผิวจราจรกรณีเกิดความเสียหาย หลีกเลี่ยงการขนส่งช่วงเวลาพักผ่อนของประชาชน จำกัดเสียง หยุดวิ่งรถในเวลาเร่งด่วนคือ 07.00-08.30 น. และ 15.30-17.00 น.ติดป้ายจราจรตามจุดสำคัญ ติดตั้งตั้งจุดประสานงาน เป็นต้น แต่ก็เกิดการต่อต้านจากหลายภาคส่วนทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือประชาชนทั่วไป   ที่มา  http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9530000157507