1386 26 Sep 2012
-เหมืองต้องฟื้นฟู ถ้าไม่ฟื้นฟูเราจะเอาเงินกองทุนมามาจัดการ -ทำยังไงให้กฎหมายทำให้ชัด แร่เป็นของใครไม่สำคัญ ที่สำคัญคือการมีส่วนร่วม จากทุกภาคส่วน มีการตรวจสอบ โปร่งใส โครงการไหนที่ไม่ยุ่งยาก ไม่กระทบ ก็ไม่ต้องการยุ่งยากมากมาย /ต้องใช้ช่องทางกฎหมายให้ถูกต้อง -จาก สปก.และกรมอุทยานฯ คณะกรรมการใน พรบ. มีอำนาจกำหนดพื้นที่ที่เหมืองแร่ได้ มันทำให้เกิดความทับซ้อนกัน /แร่ในพื้นที่ไม่ได้บุบเสีย ทำไมต้องทำ พื้นที่เกษตร ประเทศต้องการพัฒนาไปในทางไหน ? ต้องมีความชัดเจน เพื่อจัดการทรัพยากรในการพัฒนา จำเป็นไหมว่าต้องเปลี่ยนพื้นที่เกษตรเป็นพื้นที่เหมือง / นึกถึงผลกระทบที่จะมีต่อประชาชน ด้วย / สปก.อนุญาตไปแล้วหลายพื้นที่ / ปัญหาความซ้ำซ้อนในค่าตอบแทน แต่ละหน่วยงานจะจัดสรรอย่างไร ? / ประชาชนริมเหมืองได้รับการดูแลอย่างไร / สปก.ก็อยากเก็บรายได้ส่วนหนึ่งมาเป็นกองทุนเพื่อนำไปพัฒนาพื้นที่ต่อไปด้วย -กฎหมายฉบับนี้ไปทำให้อำนาจจัดการ ที่ดินได้/ กรมป่าไม้ อุทยานฯ ถ้าเกิดผลกระทบ มีความเห็นอย่างไร หรือไม่ ? อยากให้หน่วยงานเหล่านี้ ตอบคำถามด้วยถีชีวิต -จาก กพร. สปก.ให้ความสำคัญของพื้นที่มาก่อน ถ้าพื้นที่เหมาะสมสำหรับเกษตร ต้องทำเกษตร แต่ถ้าไม่เหมาะสม ก็สามารถเอามาทำเหมืองได้ / ต้องกำหนดวิธีการ ขอบเขต ให้จัดเจนว่าจะจัดการอย่างไรบ้าง / -การ อนุญาตให้ใช้ ตามระเบียบ สปก. มีอยู่แล้ว ตามระเบียบนั้นมีการระบุไหมว่า ถ้ามีใคร ใช้ผิดวัตถุประสงค์ จะถูกดำเนินการ หรือยกเลิกได้หรือไม่ ? / สปก. จะพิจารณาตามสภาพพื้นที่ แต่ต้องไม่กระทงวิ ถีชีวิตราษฎรในพื้นที่ -การถูกเพิกถอน จาก สปก. มีการชดเชยให้ชาวบ้านหรือไม่ ? / ตอบ ถ้าเกษตรกร ยินยอม ก็แล้วแต่คู่กรณี -การประกาศเหมืองแร่ เขตเหมืองแร่ในทางกฎหมาย โดยไม่ต้องได้รับใบอนุญาตตามภารกิจนี้ / ตอบ ยกเว้นเฉพาะบทนี้ -คณะกรรมการแร่ มีอำเสนอแนะ เท่านั้น แต่อำนาจจริงๆ คือรัฐมนตรี / คณะกรรมการกองทุน ชุดเดียวกับคณะกรรมการแร่ มันทับซ้อนผลประโยชน์อยู่ เป็นชุดเดียวที่เสนอและดูแลทุนต่อรัฐมนตรีคือชุดเดียว/ เป็นบทนิยามเพื่อธุรกิจและพาณิชย์ เท่านั้น หมายแร่มีไว้เพื่อประกอบธุรกิจแร่เท่านั้น การบริหารจัดการจึงมีจุดหมายเดียว/ ทำให้เรื่องสิทธิชุมชน สิทธิท้องถิ่นจึงมีปัญหา / การมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ยังขัดกับโครงสร้าง/ เรื่องอำนาจออกประทานบัตร ปัญหาคือรัฐต้องเคร่งครัดกำกับดูแลกับผู้ทำเหมือง การขอทีโออาร์ ต่างๆ เป็นเรื่องสมบัติเฉพาะ แต่ปัญหาคือการเปิดให้มีการซับคอนแท็กได้ หลายอย่างขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้อำนาจหลายเรื่องมากเกินไป โดยเฉพาะการซับคอนแท็ก หรือการรับช่วงสวมสิทธิ์ ซึ่งมีปัญหา/ อำนาจในการสำรวจแร่ อำนาจในช่องทางต่างๆ ยังตกเป็นระดับสัมพันธ์แบบสูงลงล่าง มากกว่าแบบแนวระนาบ ขาดการมีส่วนร่วม -งาน วิจัยชิ้นนี้ ไม่ใช่แรก แต่มีมากกว่านั้น เช่นที่จุฬา เพราะวิจัยไม่ตอบโจทก์แก้ปัญหาจึงทำให้ตกไป เพราะต้องแก้ พรบ.ให้สอดรับกับสภาวะปัจจุบัน ไม่ใช่แก้เพราะ พรบ.เก่า / ผู้แทนสภาองค์กรชุมชน เป็นตัวแทนชุมชนจริงหรือไม่ มีเสีง 1 ใน 10 มัน เป็นเสียงประชาชนได้จริงหรือ ? ในสัดส่วนคณะกรรมการแร่ มันไม่มีเรื่องการมี้ส่วนร่วม / เรื่องขออนุญาตทำแร่คุณสมบัติผู้ขอนั้นสำคัญ /ทรัพยากรของประเทศทำไมต้องไปล้อคไปอยู่ในมือคนๆ เดียว / นี่หรือความโปร่งใสในการประกอบเหมืองซึ่งมีผลกระทบ กฎหมายนี้ ทำได้อย่างไรในการมีสิทธิ์เข้าถึง เข้าใช้ทรัพยากรแร่ / การโอนิสทธิ์ ลอยๆ เป็นไปไม่ได้ เพราะเน้นเรื่องคุณสมบัติ ผู้ทำเหมือง ดังนั้น การโอนประทานบัตร ทำไม่ได้ และการโอนต้องมีเหตุจำเป็นเท่านั้น เราไม่ให้ใครก็ได้มาถลุงเพราะได้ใบถลุง /เงินทดแทนตอบโจทก์ชาวบ้านหรือไม่ / กระทบต่อชุมชนและวิถีชีวิตของเขา เงินทดแทนได้ไหม ตอบโจทก์หรือเปล่า ? / มีหลายประเด็นที่ยังค้างคาและยังถูกคงเอาไว้ เราต้องแก้ให้สอดรับ และเข้าสภาพการณ์ปัจจุบันกว่านี้ / สภาพการณ์ 2510 กับ ปัจจุบันไม่เหมือนกัน ตอนนั้นเราต้องการทำเหมืองแร่ เราต้องการเงิน แต่ตอนนี้ เราต้องย้อนไปดูว่ากี่สถานที่ ที่ชาวบ้านเดือดร้อน ถูกกระทบ ได้รับการเยียวยา ต้องลองกลับไปดู / การมีส่วนร่วม การประกาศให้ประชาชนทราบ หน่วยงานรับทำอย่างไร ? ชาวบ้านเขาทราบดี คือมารู้ว่าจะมีการสัมปทานเมื่อจะหมดอายุทักท้วงไปแล้ว / ต้องแก้ไขพวกนี้เพื่อคุ้มครองประโยชน์ชาวบ้าน / วันนี้เรา มีปัญหาอะไร เราเคยทำบ้างหรือเปล่า จิตวิญญาณกฎหมาย ไม่ใช่การเปิดประเทศ การเรียกการลงทุน แต่เป็นการดูแลรักษาทรัพยากรให้ยั่งยืน / กรณีคลิตตี้ทำไมเราต้องให้เขาสู้นานขนาดนั้น ทำไมเราไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือให้ชาวบ้านไว้คุ้มครองตัวเอง / บทบาทของรัฐตอนนี้อยู่ตรงไหน / รัฐต้องกลับมามีบทบาทคะคานทุน ตรวจสอบทุน / ทำไมผู้ประกอบการเสียเวลาติดขัด เสียประโยชน์ทำไมรัฐสนใจ แต่ชาวบ้านกลับไม่มีใครสนใจ ? -จาก อาจารย์ศักดิ์ณรงค์ เคยมีประสบการณ์ ที่น้ำเสียว-และโปแตซ เป็นพื้นที่ศึกษาตอนเรียน ป.เอก เราต้องการการบาลานซ์ ระหว่างผู้ประกอบการ รัฐและชาวบ้าน /ภาพรวมชุมชน ร่างกฎหมายฉบับนี้ไม่ได้แก้ปัยหาที่มีอยู่เลย ประเด็นคือ รัฐมีอำนาจตัดสินใจให้ประทานบัตรฝ่ายเดียว /กลไกกฎหมายปัจจุบันน่าจะมีกระบวนการ ขั้นตอน มากขึ้น เพื่อผูกมัดดุลพินิจในการตัดสินใจของภาครัฐ หรือแม้แต่หลักประกัน ของผู้ให้ประทานบัตร เช่น ผู้ให้ประทานบัตรจะต้องพิจารณาให้อะไรบ้าง ? ที่มีอยู่มันทำให้ผู้ให้ประทานบัตรพิจารณาคับแคบ ตีกรอบ โดยไม่ข้องเกี่ยวกับกฎหมายสิทธิชุมชน คคือเฉพาะบางกฎหมาย ที่ต้องรับผิดชอบ / ต้องให้พิจารณาหลายตัวกฎหมาย เพื่อให้ผูกมัดให้รับผิดชอบ/ เรื่องการโอนิสทธิ์มีปัญหา เพราะจะนำไปสู่การขายใบอนุญาต ผู้มารับช่วงสิทธิ์ ถ้ามีคุณสมบัติเบื้องต้นสามารถทำได้เลย จนกว่าศาลจะสั่ง /ความเสียหายผลกระทบ รัฐคือผู้รับภาระชดใช้ความเสียหาย จากผู้ได้เสีย แล้วถ้าผู้ประกอบการไม่อยู่ ใครจะรับผิดชอบ ? / การมีส่วนร่วมในภาพรวมมันไปไม่ถึงสาระ ที่ควรมี /มีทุนให้ชาวบ้านมีความสะดวกในการทำวิจัย ตรวจสอบ ผลการดำเนินการ เพื่อเป็นอีกฝ่ายหนึ่งคู่ขนานหน่วยงานรัฐ และควรจะมีกลไกแบบนี้ในทุกระดับ เพื่อให้มีน้ำหนักยืนยัน / -สุรชัย ทนาย กฎหมายให้อำนาจกับฝ่ายราชการมาก มากโดยไม่มีหลักเกณฑ์อะไร เช่น มาตรา 15 เป็น หลักสำคัญไว้ว่าเพื่อประโยชน์ต่อส่วนร่วม / ข้อสงสัย การบริหารจัดการแร่ ต้องเป็นไปตาม พรบ. ยกเว้น ส่วนราชการที่มีภารกิจ คือไม่แน่ใจ ว่าราชการจะมาประกอบเอง ได้หรือเปล่า ? ถ้าราชการทำเองไม่ต้องปฏิบัติ พรบ. ยังงั้นหรือเปล่า ? / เรื่องตามมาตร 36 ตัว เหมืองแร่หลายประเภทดังนั้น ผมว่าเกณฑ์มันไม่ชัด เช่นค่าภาคหลวง ก็ไม่มีตัวกำหนดสุดท้าย /ไม่มีเกณฑ์ว่าประชาชน ชุมชนมีส่วนร่วมอย่างไร ? / มีข้อยกเว้นเยอะมาก ที่ทำให้ผู้ประกอบการไม่ต้องฟื้นฟู / ม.77 การ ขุดหาแร่ ร่อนแร่ รายย่อย อยากให้มาองเรื่องเครื่องจักร แค่แจ้งให้ทราบก็ดำเนินการได้เลย ผมว่าไม่พอ เกี่ยวกับมาตราสิ่งแวดล้อม ผมว่ามันไม่พอ / ผลกระทบ ปนเปื้อนระยะยาว ตัวกองทุน ที่จะตั้งขึ้นก็มีปัญหา หน้ากรมอุตสาหกรรมเหมืองแร่ มีหน้าที่ฟื้นฟูไหม? กรมอุตสาหกรรมเป็นผู้ให้ใบอนุญาต รับผิดชอบอะไร ? โดยเฉพาะการปนเปื้อนขยายไปเลยเขตเหมืองแร่ / ผู้ก่อมลพิษไม่ใช่ผู้จ่าย ไม่ได้ รัฐต้องไปไล่เบี้ยเอาเงิน ก็ไม่รู้นานแค่ไหน ได้หรือไม่ หรือแค่ไหน ? /มันต้องให้เป็นระบบ / มาตรการในทางอาญา กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานปล่อยสารตะกี่วลงพื้นที่ ก็ปรับแค่ 2000 บาท ทำไม เราไม่กำหนดเป็นอาชญากรรมด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่ง ได้หรือไม่ ? ตัวโทษ ก็เบา แค่ไม่เกิน 3 ปี หรือเปรียบเทียบปรับได้ / มาตรา 132 มีการดำเนินไปโดยไม่ได้รับอนุญาต เหมือนแก้ไขการทำแร่เถื่อน จำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 3 แสน หรือ ฝืน ปรับ 10,000 บาท -อ.ศักดิ์ณรงค์ ม.66-67 มันกร่อน กฎหมายรัฐธรรมนูญไปมาก -ภาระในการพิสูจน์ความเสียหาย มอบภาระในการพิสูจน์กับผู้ประกอบการ ต้องรวมไปถึงการเสื่อมมูลค่าต่อทรัพยากร และรวมไปถึงสิ่งแวดล้อมด้วย /กฎหมายนี้ มีทิศทาง ต้องไม่ทำให้ชาวบ้านเข้าใจว่า ไม่ได้มีกฎหมายนี้เพื่อให้ชาวบ้านทำเหมืองได้ ภาระในการเลี่ยงค่าเสียหาย -ตัวแทน สุวิทย์ กุหลสบวงศ์ / ผมเคยล้มกฎหมาย พรบ.น้ำ /เหมือนกฎหมายตัดแปะ ประเทศไทยไม่เคยมีการประมวล อะไร ตรงไหน มันง่ายที่จะเอาอะไรมาใช้ ซึ่งมันมาก / การมีส่วนร่วม ม.64 ท้าย ที่สุดผู้จะทำเหมือง มักใช้วิธีการปราสัมพันธ์ มากกว่าการมีส่วนร่วม โดยเฉพาะการได้รับข้อมูลช่าวสาร ที่ทั่วถึง ในชุมชน ได้ทุกระดับ นำไปสู่การรับรู้ คัดค้าน ได้อย่างรู้ทัน พรบ.ฉบับนี้น่าจะมีการ แก้ไขปัญหาพวกนี้/ เรื่องการจ่าย ก็อ้างชาวบ้านว่าต้องการจ่ายค่าดเชย ทำให้ชุมชนแตก เพราะสิทธิชุมชนมาถูกตัดสินใจด้วยประโยชน์ปัจเจก เอาเงินมาเป็นตัวซื้อ จ่ายแพง /ไม่ด้ยยที่จะมีการจ่ายตรงนี้/ ระบุให้ชัดเจน ให้ร่างกฎหมายมีเนื้อหาสอดคล้องกับ รัฐธรรมนูญ -ตัวแทน ชิน สรนะชาวนา จากพิจิตร / มาตรา 4 ที่ผมอยู่เป็นเขตป่าสงวนฯ เป็นที่ สปก. ทับซ้อนหลายหน่วยงาน /ให้คำนึงเกษตรกร ให้ใช้ดุลพินิจอนุมัติไปก่อน /หมวด 1 คณะ กรรมการ ตอนนี้เหมืองแร่ทำแล้ว ส่งคนไปเป็น อบต. ส่ง อบต.ไปเป็นกำนัน แบบนี้ชาวบ้านไม่ปากเสียงไปเป็นตัวแทนใน กรรมการใน พรบ. / หมาจิ้งจอก สวมชุดนักวิชาการ มาทำอีไอเอ เอชไอเอ นี้มาทำร้ายประชาขน / ผูกขาดการสำรวจแร่ มีได้กี่คำขอ พื้นที่กว้างๆ ของชุมชน หายไปหมด ไม่รู้กี่ล้านไร่ หมู่บ้านหายไปทั้งหมู่บ้าน มันทุกข์ยากขนาดไหนรู้ไหม? / เขาละเมิดระบบนิติรัฐของรัฐ เขาจ่ายไม่กี่แสนบาท เพื่อเปลี่ยนเส้นทางรถ เส้นทางน้ำ โดยไม่คำนึงความเสียหายที่ชาวบ้านต้องจ่าย -นส.แววรินทร์ จากบ้านแหง อ.งาว ลำปาง / ทำแร่ขนาดกลาง ขนาดเล็ก ขนาดย่อย เขาขอทำขนาดเล็กเพื่อให้ผ่านได้ง่าย/ อบต.ที่บ้าน ทุนเข้าหาได้ง่ายมาก/ ร่างทั้งหมดขัดรัฐธรรมนูญ ให้ชาวบ้าน มันขัดเลย / ชาวบ้านไม่มีสิทธิ์อะไรเลย / กฎหมายนี้ลิดรอนสิทธิ์ชาวบ้าน/ ม. 61 ใช้ไม่ได้เลย เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ส่งผลกระทบ -เอกชัย จาก สงขลา /มีความคิดเห็นเกี่ยวกับประเมินสถานการณ์ เป็นสถานการณ์ที่อำนาจเงินซื้อได้ ท้องถิ่นก็เหมือนกัน ที่เขาคูหาก็เหมือนกัน ผู้จัดการมาเป็น นายกฯ อบต. กำนันเป็นเจ้าของที่ดิน / เอกชนเป็นกลไกรัฐ /กลไกรัฐกำลังกลายมาเป็นหน่วยงานประชาสัมพันธ์ / เนื่องจากอำนาจเงินแล้ว อิทธิมีอยู่ทุกพื้นที่ ถ้าจะใช้กฎหมายนี้ ต้องการจัดการกลไกอิทืธิพลเถื่อนให้ได้ด้วย / ถ้าแก้จุดอ่อนไม่ได้ กลไกการผูกขาด ทรัพยากร ก็แก้ไขไม่ได้ / ผู้ได้รับประโยชน์จากกแร่ มาเป็นกรรมการได้ด้วย และส่วนมากเป็นข้าราชการ /เป็นโครงสร้าง แบบให้อำนาจผู้ใช้มากกว่าเจ้าของทรัพยากร / ทำอย่างไรให้ข้อมูลข่าวสารเข้าถึงได้ง่าย / ไม่เห็นด้วยที่จะให้สภาองค์กรชุมชนเป็นคณะกรรมการในชุดนี้ และเป็นส่วนฝั่งผู้ประกอบเสียทั้งหมด สถานการณ์สังคมยิ่งอยู่ในกรอบอำนาจเงิน ยิ่งน่ากลัว / ต้องร่างกฎหมายออกให้ทะลุกรอบปัยหาพวกนี้ -ญาณ พัฒน์ ไพรมีทรัพย์ จากแคดเมี่ยม ตาก / ร่างกฎหมาย นี้ไกลความจริงมาก เกินความจำเป็น ล่าช้า มาจากความคิดสภาการเหมืองแร่ หรือเปล่า ? มันสอดคล้องกันมาก มันมีร่าง มีเหตุมีผลรองรับ การเยียวยา ความเสียหาย ดูอะไรที่เป็นรุปไม่ได้เลยในกฎหมายฉบับนี้ กองทุนต้องอยู่ไกลประชาชน มากที่สุด ยกเว้นว่า เพราะไม่เชื่อใจประชาชน ถ้าชุมชนมีอำนาจเข้าถึงจัดการ มันอาจจะนำมาใช้ได้รวดเร็ว ตรงตามต้องการ ถ้ากฎหมายี้ผ่าน แล้วเกิดความเสียกาย ส่งผลกระทบ แล้วใครรับผิดชอบ ? ประเด็นต่อมา ชีวิตที่เสีบหาย ภาระค่ารักษา สิ่งเหลานี้ มันประมาณค่าไม่ได้เลย เทียบกับการเยียวยาคนมากมายที่เจ็บป่วย แร่ไหนที่จำเป็น ก็เอามาใช้ แต่ถ้าอันไหนความรู้ไม่พอ ก็ไม่ต้องเอาใช้ / ไม่ใช่เอะอะ ถ้าอยู่ไม่ได้ก็ย้ายออกไป แก้ปัญหาแบบกวาดขยะเข้าโพรง สุดท้ายก็อัปลักษณ์ / สุดท้ายชาวบ้านก็อยู่กับการกินข้าวปนเปื้อนสารพิษ -วัชาภรณ์ จาก เลย / เลยมีแร่มาก / พื้นที่ขอประทานบัตร 70,000 ไร่ / ปัญหาคือมันมีความบกพร่องเดิม จากเหมืองแร่ทองคำ มีโลหะหนักปนเปื้อนจากเลอดเนื้อพี่น้อง ไม่มีมาตราการในการเยียวยา ชี้ชัด ผลที่เกิดขึ้น / อยากให้มีหน่วยงาน ที่พูดถึงการเยียวยา / การลงทุน การให้สัมปทานกรุณาย้อนมองสิ่งที่เกิดขึ้น มาแล้วด้วย ก่อนจะนำพาประเทศไปสู่การพัฒนาที่มีแต่ความหายนะ มากกว่ายั่งยืนจริงๆ / -โกวิทย์ บุญเจือ จากเลย / เรื่องคณะกรรมการ ผมไม่เชื่อว่าคณะกรรมการ จะยืนอยู่ฝั่งชาวบ้าน หรือผู้เสียหาย ผมไม่เชื่อจริงๆ สัดส่วนมันแตกต่างกันมาก ในแง่บทลงโทษ มันเบามาก ทำให้ผมก็กล้าเสี่ยง ที่จะถูกปรับ -อ.สันติภาพ มรภ.อุดร / มองตามหลักการพัฒนาที่ยั่งยืน ทำไมไม่เขียนไปเลย ว่า ไม่ใช่พื้นที่เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่า เขตอนึรักษ์ไปเลย / ทำสถิติปริมาณความต้องการแร่ของประเทศ ความต้องการในอนาคต / เช่นขอสำรวจแร่โปแตซไปพร้อมๆ กัน 10 จังหวัด /ควรจะมียุทธศาสตร์ว่าจะขุดขายแค่ไหน เก็บไว้แค่ไหนด้วย -กพร. อำนาจของคณะกรรมการ ตามนั้นอยู่แล้ว / เขตประกอบการเหมืองแร่ บางอย่าง ทำไมไม่ระบุไปว่า ในเขตอนรักษ์ ห้ามทำ คือ มันห้ามอยู่แล้วเลยไม่ระบุ / ทำอย่างไรไม่เอากระดิ่งไปผูกคอแมว คือ ค่อยๆ ทำ / เช่น รัฐมนตรีตอนนี้คิดคนเดียวไม่ได้ / เราต้องคืบคลานไปคนละนิดละหน่อย / การโอนการสวมสิทธิ์ แต่เดิมได้ แต่เดี๋ยวนี้ ได้ แต่ต้องกลับไปขอใหม่ เหใอนขอใหม่ / -สปก. ยุทธศาสตร์ แร่ ต้องมองให้เชื่อมโยง หลายด้าน -สุรชัย ทนาย / คิดว่าหน้าที่ใคร ? -กพร. จริงๆ ควรจะเป็นใครก่อคนนั้นจ่าย / เอาเงินมากองในกองทุน เพื่อจะได้ไม่ต้องยุ่งยาก ในการดูแลผู้เสียหาย *** -อัยการ จันทิมา ธนาสว่างกุล เรื่องการฟื้นฟู ถ้าจะให้ได้ จะต้องเขียนกฎหมายไว้ในฉบับนี้ ผู้ถือประทานบัตรต้องปฏิบัติปรับสภาพและฟื้นฟู / อำนาจรับปรับตัวอย่างไร หากเกิดปัยหาขึ้นมา / ในข้อเท็จจริง การทำเหมืองแร่จะต้องมีการปรับสภาพและฟื้นฟู คือหลักประกัน จึงไม่อาจมีเงื่อนไขอื่นได้ / การโอนสัมปทานสิทธิ์ มันคนละกรณีกับการขอสัมปทานใหม่ จับรวมกันไม่ได้ / -สุวิทย์ / เรื่องการฟื้นฟู คือเรื่องสำคัญที่ชาวบ้านสู้ / ตอนนี้ที่อีสาน มีบริษัทจดขอและสำรวจ มีทุนไม่กี่แสนบาท บริษัทเหล่านี้ สำรวจเพื่อขาย อาชญาบัตร เราพูดแต่บนดิน ใต้ดิน แต่เราไม่เคยพูดทะเล ถ้าทำทะเล พี่น้องประมงทำยังไง ? ทรัพยากรใต้ทะเลก็ไม่ใช่น้อยเหมือนกัน -ชาญวิทย์ / ส่งเอกสารการยกร่าง มที่มาจาก 8 เวที มาให้ด้วย ว่า มีใครเข้าร่วม ให้ความคิดเห็น คิดอย่างไร ในแต่ละครั้ง มีการนำเข้ามาในเนื้อหาหรือไม่ ? -เอกชัย / ได้ร่วมเวทีอย่างรีบเร่ง ในเวทีวันนั้น ไม่ค่อยมีความคิดเห็นอะไรเลย / กลไกโครงสร้างที่เป็นกรรมการแร่ เสนอเป็นคณะกรรมการควบคุมกิจการเหมืองแร่และขอเป็นองค์กรอิสระ สามารถเยียวยาหรือลงโทษได้เลย /เคยมีฃกรณี ในการหยุดเหมืองได้ไหม สักครั้ง ถ้าไม่มี อาจจะต้องคิดกลไกนี้ ออกมาสักครั้ง -ประยงค์ ดอกลำไย ต้องการให้ กพร.ส่งเอกสาร ต่างๆให้ (เอกสารเวทีต่างๆ ทั้ง 8 เวที ใครเข้าร่วม และเสนอกันอย่างไร ) - อ. จาก ม.ทักษิณ อยากเห็นทิศทางในการทำแร่ ไม่ใช่ขุดส่งออก แต่อยากให้มีแผนการขุดเอามาไว้ใช้แค่ไหนอย่างไร เพราะมันไม่ใช่ของหมดแล้วมีไหม มันยั่งยืนไม่ได้ มันหมดแล้วหมดเลย -หมอนิรันดร์ สรุป.... อยากได้กฎหมายที่คุ้มครอง เขาด้วยเลยต้องมีเวทีเหล่านี้ขึ้นมาเพื่อรับฟัง เสียงจาภาคประชาชนด้วย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม และไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชนของเขา สิทธิชุมชนของเขา / มาตราต่างๆ ที่พูดมันตอบได้ไหม ถ้าตอบไม่ได้ ไม่มีทางสงบสุข การใช้ทรัพยากรมันต้องตอบความมั่นคงของมนุษย์ด้วย ความสงบสุขด้วย ว่าชุมชนอยู่ได้ไหม ? / ภาคประชาชนต้องขอมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในระดับต่างๆ05 Nov 2024
09 Oct 2024
09 Oct 2024
20 Sep 2024
05 Nov 2024
05 Nov 2024
05 Nov 2024
05 Nov 2024
ข่าวสารสังคมนอกสื่อกระแสหลัก ข่าวสารความเคลื่อนไหว เกี่ยวกับเอ็นจีโอ ข่าวกิจกรรมเพื่อสังคม งานสัมนา สมัครงานเอ็นจีโอ ร้องเรียน แจ้งข่าว…ประนามประจาน !! ที่ได้รับความทุกข์ร้อนไม่เป็นธรรม