57 16 Nov 2025

พีมูฟยืนยันใช้สิทธิชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ “ธีรเนตร-จำนงค์” ขึ้นศาล 6 ชั่วโมง สู้คดีฝ่าฝืนคำสั่งห้ามชุมนุมรอบทำเนียบฯ ทนายชี้เป็นคดีสำคัญสร้างบรรทัดฐานสิทธิประชาชน
วันที่ 12 พฤศจิกายน 2568 ที่ศาลแขวงดุสิต ธีรเนตร ไชยสุวรรณ ประธานขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) และจำนงค์ หนูพันธ์ ที่ปรึกษาพีมูฟ พร้อมทีมทนายจากมูลนิธิศูนย์ข้อมูลชุมชน (CRC) เดินทางเข้ารับการตรวจคำให้การและพยานหลักฐานในสองคดี ตามพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 ในข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งห้ามชุมนุมในรัศมี 50 เมตรรอบทำเนียบรัฐบาล โดยศาลใช้เวลากว่า 6 ชั่วโมงในการตรวจพยานครั้งนี้
คดีดังกล่าวเกิดขึ้นจากการชุมนุมของพีมูฟระหว่างวันที่ 5-28 กุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวของเครือข่ายประชาชนผู้ได้รับผลกระทบด้านที่ดิน ที่อยู่อาศัย และการจัดการทรัพยากร เพื่อยื่นข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล ทั้งสองจำเลยยืนยันปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และระบุว่าการชุมนุมเป็นไปโดยสงบ ปราศจากอาวุธ และเป็นสิทธิที่ได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญปี 2560
ทิตศาสตร์ สุดแสน ทนายความของจำเลย เปิดเผยว่า วันนี้เป็นการตรวจพยานในสองสำนวน ได้แก่ คดีหมายเลขดำที่ อ.869/2568 ซึ่งมีจำเลยร่วมคือธีรเนตรและจำนงค์ และคดีหมายเลขดำที่ อ.870/2568 ซึ่งจำนงค์ถูกฟ้องเพียงคนเดียว
ทนายระบุว่า คำสั่งห้ามชุมนุมในรัศมี 50 เมตรเป็นคำสั่งที่ “ออกโดยมิชอบ” เพราะอาศัยอำนาจตามมาตรา 7 วรรคท้าย ของ พ.ร.บ.ชุมนุมฯ ซึ่งควรใช้เฉพาะกรณีจำเป็นเพื่อความปลอดภัยสาธารณะ แต่กลับถูกนำมาใช้เพื่อสกัดกั้นการชุมนุมที่แจ้งถูกต้องตามขั้นตอน ย้ำว่า “การใช้สิทธิชุมนุมไม่ใช่อาชญากรรมร้ายแรง” และคดีนี้มีความสำคัญต่อการสร้างบรรทัดฐานสิทธิเสรีภาพของประชาชนไทย
ศาลนัดสืบพยานคดีที่ อ.869/2568 ในวันที่ 11-12 ธันวาคม 2568 และสืบพยานคดีที่ อ.870/2568 ในวันที่ 18-19 ธันวาคม 2568
หลังเสร็จสิ้นการตรวจพยาน ธีรเนตรกล่าวว่า พีมูฟเตรียมยื่นฟ้องศาลปกครองเพื่อเพิกถอนคำสั่งห้ามชุมนุม เนื่องจากออกภายหลังการแจ้งชุมนุมแล้ว ถือเป็นการใช้อำนาจที่ละเมิดหลักการบริหารราชการแผ่นดิน และจำกัดสิทธิตามรัฐธรรมนูญ
“ถ้าประชาชนไม่สามารถชุมนุมหรือแสดงออกได้ การเมืองก็จะวนกลับสู่ปัญหาเดิม ๆ สิทธิของประชาชนต้องได้รับการคุ้มครอง” ธีรเนตรกล่าว พร้อมย้ำว่าการต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่เพียงเพื่อพีมูฟ แต่เพื่อบรรทัดฐานของประชาชนทุกกลุ่มที่ต้องลุกขึ้นเรียกร้องสิทธิ
จำนงค์ หนูพันธ์ ย้ำว่าการชุมนุมของพีมูฟมีเป้าหมายเพื่อแก้ไขปัญหาที่ชุมชนไม่สามารถแก้ไขในพื้นที่ และการดำเนินคดีต่อผู้ชุมนุมเป็นการปิดกั้นสิทธิทางการเมืองอย่างไม่เป็นธรรม พร้อมยืนยันว่าจะต่อสู้ในศาลทุกชั้นและยื่นฟ้องต่อศาลปกครองเพื่อให้คำสั่งห้ามถูกเพิกถอน
ปรานม สมวงศ์ จาก Protection International Thailand ระบุว่า “สิทธิในการชุมนุมโดยสงบไม่ใช่อาชญากรรม” และการดำเนินคดีต่อแกนนำพีมูฟสะท้อนการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือควบคุมประชาชนในช่วงที่ประเทศไทยกำลังเข้าสู่บรรยากาศเลือกตั้ง ขอให้รัฐและศาลยึดหลักสิทธิมนุษยชนสากล และยุติการใช้กฎหมายปิดปากประชาชน
องค์กรสิทธิมนุษยชน ภาคประชาสังคม ประชาชนต่างเรียกร้องให้ทบทวน พ.ร.บ.การชุมนุมฯ ปี 2558 ให้สอดคล้องหลักประชาธิปไตย และยุติการฟ้องร้องผู้ชุมนุมที่แจ้งการชุมนุมอย่างถูกต้องแล้ว
จากข้อมูลของเครือข่าย ตั้งแต่ตุลาคม 2567 ถึงเมษายน 2568 สมาชิกพีมูฟถูกดำเนินคดีแล้วไม่น้อยกว่า 4 คดี ผู้ถูกกล่าวหา 17 คน โดยทั้งหมดถูกตั้งข้อหาเดียวกัน คือฝ่าฝืนคำสั่งห้ามชุมนุมในรัศมี 50 เมตร ทั้งที่ทุกครั้งมีการแจ้งการชุมนุมถูกต้องตามขั้นตอน
พีมูฟย้ำว่า การดำเนินคดีทั้งหมดเป็นการใช้กฎหมายปิดปากภาคประชาชน เพราะการชุมนุมเป็นไปด้วยความสงบ สันติ และเพื่อเรียกร้องเชิงนโยบาย ไม่ได้ก่อความเดือดร้อนต่อสาธารณะ
ภาพจาก: ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม P-move
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ศาลแขวงดุสิตนัดคุ้มครองสิทธิ 2 แกนนำพีมูฟ คดี พ.ร.บ.ชุมนุมฯ จำนงค์ - ธีรเนตรยืนยันต่อสู้คดี
16 กันยายน 2568 อัยการนัดส่งฟ้อง 2 แกนนำพีมูฟ 5 คดี ฐานชุมนุมเรียกร้องสิทธิคนจน
31 Jul 2025
04 Jun 2025
04 Jun 2025
04 Jun 2025
ข่าวสารสังคมนอกสื่อกระแสหลัก ข่าวสารความเคลื่อนไหว เกี่ยวกับเอ็นจีโอ ข่าวกิจกรรมเพื่อสังคม งานสัมนา สมัครงานเอ็นจีโอ ร้องเรียน แจ้งข่าว…ประนามประจาน !! ที่ได้รับความทุกข์ร้อนไม่เป็นธรรม