112 12 Nov 2025

หยุดโรงไฟฟ้าก๊าซบูรพาพาวเวอร์ หยุดเพิ่มภาระค่าไฟให้ประชาชน
กลุ่ม Fossil Free Thailand ซึ่งเป็นการรวมตัวของชุมชนในจังหวัดฉะเชิงเทรา เครือข่ายภาคประชาชน และองค์กรที่ทำงานด้านการเปลี่ยนผ่านพลังงานที่ยุติธรรมในประเทศไทย ร่วมกันรณรงค์ เรียกร้องให้รัฐบาลยุติโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซบูรพาพาวเวอร์ ตำบลเขาหินซ้อน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยเปิดให้ประชาชนทั่วประเทศร่วมลงชื่อสนับสนุนข้อเรียกร้อง เพื่อยื่นต่อ คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เพื่อให้มีคำสั่งยกเลิกโครงการดังกล่าว
กลุ่มผู้จัดรณรงค์ตั้งเป้าหมาย รวบรวมรายชื่ออย่างน้อย 10,000 รายชื่อ เพื่อสะท้อนเสียงของประชาชนที่ไม่ต้องการให้ภาครัฐเพิ่มภาระค่าไฟและความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมจากโครงการโรงไฟฟ้าที่ไม่จำเป็น
โครงการ โรงไฟฟ้าก๊าซบูรพาพาวเวอร์ เดิมคือโรงไฟฟ้าถ่านหินเขาหินซ้อน ของบริษัท เนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ NPS ซึ่งไม่สามารถเดินหน้าได้เพราะถูกคัดค้านจากชุมชนมานานกว่า 10 ปี ด้วยเหตุผลด้านสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และผลกระทบต่อเกษตรอินทรีย์ในพื้นที่ ต่อมาในปี 2562 โครงการได้เปลี่ยนเชื้อเพลิงจากถ่านหินเป็นก๊าซธรรมชาติ และเปลี่ยนชื่อเป็น “บูรพาพาวเวอร์” ภายใต้การร่วมทุนระหว่าง NPS (65%) และบริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (35%)
โรงไฟฟ้าดังกล่าวมีกำลังการผลิตตามสัญญา 540 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 127 ไร่ และคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในเดือนพฤศจิกายน 2568 เพื่อจ่ายไฟเข้าระบบในปี 2570 ตามแผน PDP2018
เหตุผลที่ควรยุติโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซบูรพาพาวเวอร์
1. ไฟฟ้าล้นเกิน ไม่จำเป็นต้องสร้างเพิ่ม ประเทศไทยมีกำลังผลิตไฟฟ้ามากกว่าความต้องการใช้จริงถึงกว่า 17,000 เมกะวัตต์ โดยเฉพาะภาคตะวันออกที่ผลิตไฟได้เกือบ 2 เท่าของความต้องการ และเฉพาะ จ.ฉะเชิงเทรา มีกำลังผลิตมากกว่า 5 เท่าของการใช้จริง การเพิ่มโรงไฟฟ้าใหม่จึงเป็นการลงทุนที่เกินจำเป็น และยิ่งเพิ่มภาระค่าไฟให้ประชาชนทั่วประเทศ
2. ใช้น้ำมหาศาล เสี่ยงขาดแคลนและแย่งน้ำกับเกษตรกร จากรายงาน EIA พบว่าโครงการโรงไฟฟ้าบูรพาพาวเวอร์จะใช้น้ำสูงถึง 12,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน โดยสูบจากคลองระบม ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญที่ปัจจุบันมีการใช้น้ำเต็มศักยภาพอยู่แล้ว อาจกระทบต่อชุมชนและเกษตรกรรมในพื้นที่ลุ่มน้ำคลองระบม - คลองท่าลาด
3. ลิดรอนสิทธิประชาชนในที่ดินทำกิน การก่อสร้างระบบสายส่งไฟฟ้ายาวกว่า 14 กิโลเมตร ครอบคลุม 4 ตำบล 2 อำเภอของฉะเชิงเทรา ส่งผลให้ที่ดินทำกินของประชาชนกว่า 500 ไร่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ทำกิน ทั้งนาข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง และยูคาลิปตัส ถูกเวนคืนและกระทบต่อชาวบ้านที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม
4.เสี่ยงมลพิษกระทบสุขภาพและเกษตรอินทรีย์ การเผาไหม้ก๊าซธรรมชาติปลดปล่อยก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO₂) และไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO₂) ซึ่งส่งผลต่อพืชผลการเกษตร เช่น ข้าว มะม่วงน้ำดอกไม้ที่ถือเป็นพืชGI ของฉะเชิงเทรา และการเกษตรอินทรีย์ในพื้นที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนฯ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งอยู่ห่างจากโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซบูรพาพาวเวอร์เพียง 5.74 กิโลเมตร อีกทั้งยังเป็นสารตั้งต้นของฝุ่นพิษ PM 2.5
5. สวนทางเป้าหมายพลังงานสะอาดของประเทศ ขณะที่ประเทศไทยตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ภายใต้แผน NDC 3.0 ที่ตั้งเป้าลดก๊าซเรือนกระจก 109.2 ล้านตันภายในปี 2578 และบรรลุเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050 การสร้างโรงไฟฟ้าก๊าซใหม่อายุสัมปทาน 25 ปีจะยิ่งเพิ่มการปล่อยคาร์บอนและขัดต่อทิศทางพลังงานสะอาดที่ประเทศกำลังมุ่งไป
ร่วมลงชื่อสนับสนุน
หยุดโรงไฟฟ้าก๊าซบูรพาพาวเวอร์
หยุดเพิ่มภาระค่าไฟให้ประชาชน
ลงชื่อร่วมสนับสนุนข้อเรียกร้องได้ที่: burapa-power.justpow.co
ข้อมูลจาก: burapa-power.justpow.co
ภาพประกอบจาก: หยุดโรงไฟฟ้าบูรพา & เดินหน้าเปลี่ยนผ่านพลังงานไทย
31 Jul 2025
04 Jun 2025
04 Jun 2025
04 Jun 2025
ข่าวสารสังคมนอกสื่อกระแสหลัก ข่าวสารความเคลื่อนไหว เกี่ยวกับเอ็นจีโอ ข่าวกิจกรรมเพื่อสังคม งานสัมนา สมัครงานเอ็นจีโอ ร้องเรียน แจ้งข่าว…ประนามประจาน !! ที่ได้รับความทุกข์ร้อนไม่เป็นธรรม