ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทย สภาฯ ผ่านร่างกฎหมายคุ้มครองชาติพันธุ์ เปิดยุคใหม่แห่งสิทธิ ความเท่าเทียม และการอยู่ร่วมกันอย่างเคารพ

402 13 Aug 2025

ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทย สภาฯ ผ่านร่างกฎหมายคุ้มครองชาติพันธุ์ เปิดยุคใหม่แห่งสิทธิ ความเท่าเทียม และการอยู่ร่วมกันอย่างเคารพ

 

ก้าวประวัติศาสตร์ของประเทศไทย

วันที่ 6 สิงหาคม 2568 กลายเป็นวันที่ถูกจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองและสิทธิมนุษยชนของไทย เมื่อสภาผู้แทนราษฎรมีมติท่วมท้น 421 เสียง เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ พ.ศ. …. ที่ผ่านการพิจารณาและแก้ไขจากวุฒิสภามาแล้ว ถือเป็นกฎหมายฉบับแรกของไทยที่ว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิทางวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์อย่างเป็นระบบ

นี่ไม่ใช่เพียงการตรากฎหมาย แต่เป็นการประกาศอย่างเป็นทางการว่าประเทศไทยให้ความสำคัญกับความหลากหลายทางวัฒนธรรม ยอมรับคุณค่าของทุกกลุ่มชาติพันธุ์ และมุ่งสร้างสังคมที่ทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม

 

เบื้องหลังความสำเร็จ การเดินทางกว่า 15 ปี

เส้นทางสู่ความสำเร็จในวันนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หากเป็นผลจากความพยายามยาวนานของเครือข่ายหลายฝ่าย โดยเฉพาะ ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) หรือ ศมส. ซึ่งได้รับมอบหมายจากกระทรวงวัฒนธรรมตั้งแต่ปี 2553 ให้ขับเคลื่อนนโยบายฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวเลและชาวกะเหรี่ยง ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน และ 3 สิงหาคม 2553

จากจุดเริ่มต้นในการฟื้นฟูวิถีชีวิตของชาวเลและชาวกะเหรี่ยง ศมส. ได้ต่อยอดการทำงานสู่การผลักดันนโยบายที่ครอบคลุมกลุ่มชาติพันธุ์ทั้งหมดทั่วประเทศ โดยทำงานเคียงข้างชุมชน นักวิชาการ องค์กรภาคประชาสังคม และเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อสร้างฐานข้อมูล ขับเคลื่อนความเข้าใจ และเสนอแนวทางกฎหมาย

 

ร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ตั้งอยู่บนหลักการตามมาตรา 70 ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ที่กำหนดให้รัฐต้องคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์ โดยมีหลักการสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่

1.  การคุ้มครองสิทธิทางวัฒนธรรม ให้ประชาชนทุกกลุ่มชาติพันธุ์ได้รับการปกป้องจากการละเมิดสิทธิ ไม่ถูกเลือกปฏิบัติ และสามารถเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐาน

2.  การส่งเสริมศักยภาพ  สนับสนุนให้กลุ่มชาติพันธุ์มีโอกาสพัฒนาตนเองและร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของประเทศ

3.  การสร้างความเสมอภาค ทำให้ทุกคนได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมบนพื้นฐานของความเป็นมนุษย์

 

สาระสำคัญของกฎหมาย

ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ประกอบด้วยสาระสำคัญ 5 ด้าน ได้แก่

  • กำหนดหลักพื้นฐานแห่งสิทธิและการคุ้มครองสิทธิของกลุ่มชาติพันธุ์ให้มีสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย ไม่ถูกเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมด้วยเหตุความแตกต่างทางเชื้อชาติ (มาตรา 5 – 12)
  • กำหนดกลไกการบริหารจัดการแบบบูรณาการโดยมีคณะกรรมการคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน พร้อมทั้งส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้แทนกลุ่มชาติพันธุ์ ผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้แทนองค์กรพัฒนาเอกชน เป็นคณะกรรมการ ทำหน้าที่กำหนดนโยบายคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ (มาตรา 13 – 20)
  • สร้างกลไกการมีส่วนร่วมของกลุ่มชาติพันธุ์ โดยกำหนดให้จัดตั้งสภาคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์แห่งประเทศไทย ทำหน้าที่เป็นศูนย์ประสานงานแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และแนวทางหรือมาตรการคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ (มาตรา 21 – 31)
  • กำหนดให้มีการจัดทำฐานข้อมูลกลุ่มชาติพันธุ์ เป็นฐานข้อมูลกลางของประเทศ เพื่อคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ (มาตรา 32 – 36)
  • กำหนดมาตรการเชิงบวกในรูปแบบการจัดตั้งเขตพื้นที่คุ้มครองวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ ซึ่งเป็น "การจัดการร่วม" (Co-management) โดยที่ยอมรับสิทธิของชุมชนในการดำรงชีวิตควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ทรัพยากรภายใต้กฎหมายของรัฐ เปลี่ยนกระบวนทัศน์จาก "การเผชิญหน้า" ไปสู่ "การหาทางออกร่วมกัน" (มาตรา 37 – 42)

 

ผลกระทบและความหมายต่อสังคมไทย

กฎหมายนี้ไม่เพียงปกป้องสิทธิของชุมชนชาติพันธุ์ แต่ยังส่งผลเชิงบวกต่อสังคมไทยโดยรวม

  • ด้านวัฒนธรรม การรักษามรดกภูมิปัญญาและเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมให้คงอยู่
  • ด้านเศรษฐกิจ เปิดโอกาสให้กลุ่มชาติพันธุ์พัฒนาอาชีพ สร้างรายได้ และใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน
  • ด้านสังคม ลดความขัดแย้งทางชาติพันธุ์ สร้างความเข้าใจและการยอมรับซึ่งกันและกัน
  • ด้านสิ่งแวดล้อม สนับสนุนการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติด้วยองค์ความรู้ท้องถิ่น

 

ก้าวต่อไป จากตัวบทสู่การปฏิบัติ

หลังผ่านความเห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ. จะถูกนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยและประกาศใช้เป็นกฎหมาย ศมส. ย้ำว่าจะเดินหน้าทำให้ ตัวบทกฎหมายมีชีวิตผ่านการทำงานร่วมกับกลุ่มชาติพันธุ์ ภาครัฐ และภาคีเครือข่าย เพื่อให้สิทธิและมาตรการต่าง ๆ ถูกนำไปใช้จริง

เป้าหมายสูงสุดคือสังคมไทยที่ทุกคน ไม่ว่าจะมีเชื้อชาติหรือวัฒนธรรมใด สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างภาคภูมิใจ เคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และ โอบรับทุกความหลากหลาย

 

Contact Information

  • : มูลนิธิกองทุนไทย Thai Fund Foundation 2044/23 ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ บางกะปิ ห้วยขวาง กรุงเทพ 10310
  • : webmaster@thaingo.org
  • : 082 178 3849
  • : www.thaingo.in.th

Thai NGO

ข่าวสารสังคมนอกสื่อกระแสหลัก ข่าวสารความเคลื่อนไหว เกี่ยวกับเอ็นจีโอ ข่าวกิจกรรมเพื่อสังคม งานสัมนา สมัครงานเอ็นจีโอ ร้องเรียน แจ้งข่าว…ประนามประจาน !! ที่ได้รับความทุกข์ร้อนไม่เป็นธรรม