การสื่อสารทางการเมือง

56 17 Apr 2025

 

เรื่องนี้มาจากข่าว นักการเมืองหญิงฝ่ายค้านท่านหนึ่ง ออกมาพูดมาเคลื่อนไหว ประเด็นสำคัญมากของประชาชนผู้ใช้แรงงาน และผู้ประกอบการธุรกิจ รวมถึงองค์กรเกชน ต่างๆ ที่ถูกกฎหมายบังคับหัก เงินเข้ากองทุนประกันสังคม เพื่อใช้ในยามป่วยไข้รักษาพยาบาลและเป็นเงินกองทุนหลังปลดเกษียณ หรือ ออกจากงาน ซึ่งถือว่า สำคัญเพราะเป็นเงินหลักประกันไว้ใช้ยามยาก

 

ในความเข้าใจของผม การทำหน้าที่ตรวจสอบ เรื่องของส่วนรวม ปกป้องสิทธิ ผลประโยชน์ประชาชน เป็นหน้าที่โดยตรงของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรโดยตรง เรื่องหนึ่ง และเป็นเรื่องที่นักการเมือง อื่นๆ ที่ผ่านมา ละเลย ละเลยจนกลายเป็นแดนสนธยา ไม่มีใครล้วงดู หรือ ตรวจสอบ เนื่องจากเป็นเงินมหาศาล

 

การตรวจสอบเงินกองทุนขนาดใหญ่ การเรียกดูกระบวนการ บริหาร จัดการ ตรวจสอบความสมเหตุสมผล ในการใช้จ่าย ดูความโปร่งใส ต่างๆ จึงเป็นเรื่องปกติ สำหรับประเทศ ที่มีระบอบการเมือง โปร่งใส ประเทศที่ประชาชนค่อนข้างตื่นตัว ในเรื่องสิทธิ เสรีภาพ

 

การพูด หรือการรายงาน คือหารสื่อสารข้อเท็จจริง ให้ประชาชนรับทราบ จึงเป็นวิธีการปกติที่ทุกประเทศ ต่างก็ทำ และ ผู้มีอำนาจดูแล ควบคุม หรือ บริหาร  จะต้องมีหน้าที่ แจกแจง ทำให้ประชาชนคลี่คลายหายสงสัย ด้วยหลักฐาน เอกสาร ที่เกี่ยวข้อง ซึ่ง ในประเทศนี้ ประเทศที่หละหลวมและไม่ได้ รู้สึกว่า การสื่อสาร รายงานให้ประชาชนหายสงสัยนั้น คือหน้าที่โดยตรงของรัฐบาล ประเทศ เคยชินกับความมักง่ายและการประทับตราว่า “ลับ” หรือ “ลักบมาก” เพราะไม่อยากให้ใครรู้ ให้ใครตั้งคำถาม รวมถึง ไม่เคยชินกับการเปิดเผย ตอบคำถาม

 

นอกนั้น ก็จะอ้างความสะดวกไปที่ สภาฯ ซึ่งมีเวลาให้ชี้แจงได้จำกัด แล้วจากนั้นก็จะรอดตัว ผ่านพ้น ภาระหน้าที่ทางการเมือง ที่ต้องสื่อสารกับประชาชน โดยที่ประชาชนก็ทำอะไรมากกว่านี้ ไม่ได้

 

ดังนั้น การให้สัมภาษณ์ การแถลงข่าว จึงเป็นทางเลือกหนึ่งในการทำงาน “ตรวจสอบ” เพื่อให้กระแสสังคม หรือ พลังประชาชน หนุนช่วย กดดัน ให้ฝ่ายบริหาร หรือนักการเมือง ที่ดูแล ออกมาชี้แจง การให้สัมภาษณ์ การแถลงข่าว จึงเป็นกลไกสำคัญ อันหนึ่ง ที่จะทำให้ประชาชน แสดงพลัง ซึ่งนี่คือหัวใจสำคัญของระบอบประชาธิปไตย

 

ที่ผ่านมา บ้านเรายังเป็นการเมืองที่ล้าหลัง อยากนั่งตำแหน่งสูงๆในรัฐบาล เป็นรัฐมนตรี เจ้ากระทรวง แต่ไม่อยากรับภาระ ไม่อยากยุ่งมากปัญหาในกระทรวง ซึ่งมีผลกระทบโดยตรงกับประชาชน เพราะในนั้น มีหลุมดำ มีความยุ่งเหยิงโยงใยมีสายสัมพันธ์ มากมายเกี่ยวกับผลประโยชน์ กับคน ซึ่งอาจจะมีอำนาจ มีอิทธิพลกับพรรค กับรัฐบาล หรือนักการเมืองรุ่นใหญ่ ข้าราชการประจำ ที่มีอิทธิพลจริงๆ ในกระทรวง คอยจัดการ ลบร่องรอย แจกจ่าย และแจกแจง ส่วนนักการเมืองมาแล้วก็ไป บางรัฐบาล มาแค่สั้นๆ จึงไม่อยากยุ่งยากมีปัญหา นานวันก็เลยกลายเป็นดินแดน สนธยา ของข้าราชการประจำ

 

ผมว่า เราต้องช่วยกันสร้างบรรทัดฐานบางอย่างของนักการเมือง ทั้งฝ่ายตรวจสอบ และ ฝ่ายบริหารหรือ รัฐบาล เพื่อระบอบเข้มแข็ง ในการปกป้อง สิทธิประโยชน์ ของประชาชน

 

ฉะนั้น ประเด็นเรื่อง นอกสภา ในสภา ถ้าเป็นผลประโยชน์ประชาชน ผมว่า นักการเมืองทุกคน สามารถพูดได้หมด เพื่อประชาชนได้รับรู้ ไม่จำเป็นต้องในสภา ขอแค่เรื่องนั้น ๆ มีข้อเท็จจริง และการพูดนี้ เป็นสิทธิเสรีภาพของทุกคนตามระบอบประชาธิปไตย