วัฒนธรรม "ดื่ม"

17 05 Nov 2024

การดื่ม มีความหมายว่าอย่างไร บ้าง ในความนึกคิดของผม…..  ?

 

A การดื่ม เป็นการเปลี่ยนผ่านรูปแบบทางจิต จากคนหนึ่งไปเป็นอีกคนหนึ่ง บางคนจึงเกิดพฤติกรรมหน้ามือเป็นหลังมือ

B การดื่ม เป็นการ เยียวยา หรือ ภาวะ ความเสียหายทางกายและจิต กรรมกรดื่มให้ผ่อนคลาย คนอกหัก ดื่มเพื่อลืมเธอ 

C การดื่ม คือการสื่อสารกันระหว่าง จิตหนึ่ง หรือ โลกหนึ่งกับอีก โลกหรือจิตหนึ่ง ที่ไกลออกไปหรือคนละภพ สุราคือน้ำบริสุทธิ์ คือเครื่องดื่มของเทพ เทวา คนและผี เราจึงราดรด “เหล้า”ให้ผี หรือมีเหล้าในพิธีต่างๆ

D การดื่ม คือ การสมานอารมณ์ ความรักของหลายคู่ เกิดขึ้นฉับพลันในร้านเหล้า ระหว่างที่ดื่มเข้าไปเล็กน้อย หรือ คู่รักหลายคู่ ดื่มไวน์เล็กน้อยระหว่างที่ฮันนี่มูน หรือ ก่อนจะเริงรักพิศวาส กันบนเตียง ฯลฯ

 

บางชนเผ่า ดื่ม และส่งเสียงคำราม ตีกลองรัวถี่ๆ หรือ กระทืบเท้ากับพื้นดินให้เกิดเสียงดัง รู้สึกแข็งแกร่ง ปลุกเร้าชายฉกรรจ์ นักรบในเผ่า ก่อนออกประจัญบาน กรำศึก กองทัพโบราณ แทบทุกชาติ ใช้เหล้า มารินดื่มแทนรางวัลหลังจาก กลับจากรบ และได้ชัยชนะ

 

การดื่มเป็นรูปแบบทางวัฒนธรรม ที่ใช้ต้อนรับ ขับสู้แขกบ้าน แขกเมือง แทบทุกชาติ ทุกภาษา การดื่มคือ มิตรภาพ ใช้แทนความหมายดีงาม แทนความอุดมสมบูรณ์ แทนความมากมีน้ำใจ และชาวสุรินทร์  ดินแดนที่ถูกเรียกว่า มาสุรินทร์ต้องกินน้ำตำ เพราะความแห้งแล้ง แต่กลับขึ้นชื่อพ่วงท้ายว่า ต้องกินสุรา หมายความว่า แม้ว่าคนที่นี่จะยากจนข้นแค้น แล้งแห้ง แต่คนที่นี่ ต้อนรับขับสู้แขกบ้านแขกเมือง เต็มที่ !!

 

ความรุ่งเรืองดีงามของมนุษย์ เกิดจากการอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่ม เป็นชุมชน เป็นชุมชน มีระบบการปกครอง การเชื่อฟังยอมรับ กติกา ทำตาม มีความสอดคล้องกันตามแนวเดียวกัน ในความเชื่อ ในความศรัทธา ผูกโยงเกาะเกี่ยวกันมาแต่ปู่ย่าตายาย ทำให้ลูกหลาน ยึดถือการเซ่นไหว้ ผี บรรพบุรุษ มีจักรวาลทัศน์ เดียวกัน มีรูปแบบวิถีวัฒนธรรม ร่วมกัน

 

การดื่ม ทั้งกับคน กับผี กับเทพ เทวา จึงเป็นส่วนหนึ่งของวิถี ในห้วงยามที่โลกยังอยู่ในจักรวาลทัศน์ ไตรภูมิ ( นรก สวรรค์และโลกมนุษย์)  แบบเก่า

 

วันแซนโฎนตา ผมนึกขำตาเพลย ร้องปฏิเสธคำชวนของผมเสียงดังมาก ว่า ผมไม่กินเหล้ากับผี ไม่กินของเซ่นไหว้ ผมแอบขำกลิ้ง เพราะว่า เราเกิดมาในอารยธรรม ชาวเขมร ที่กินเหล้ากับผี กับเทวดา กินของเหลือจากเขา หรือ กินตามหลัง จากดขา ผ่านการเชื้อเชิญ หรือ ริเริ่มก่อน จากปู่ย่าตายายพ่อแม่ ลุงป้าน้าอา   ที่สอนเราให้เราทำตาม

 

ไม่แปลก ถ้าใครมาเที่ยว มาหา มาดื่มกับคนสุรินทร์ จะเห็นว่า แก้วแรกก่อนยก จะราดลงพื้นดิน เรียก ผี หรือ บอกกล่าว ผี ก่อน ที่เหลือก้นแก้ว หรือแก้วต่อไป ค่อยถึงคิวของคน นี่คือ ร่องรอยของจักรวาลทัศน์ ที่ฝรั่งเรียกว่า Paradigm การดื่มจึงมีความเชื่อมโยงไปถึงความเชื่อ นรก สวรรค์ ความดี ความงาม ความศรัทธา ความเคารพ ยำเกรง เชื่อฟังปฏิบัติตาม อย่างเคร่งครัด

 

ส่วนโลกสมัยใหม่ ที่คนส่วนมากไปดื่ม ตามผับ ตามบาร์ แหกปาก แหกคอ แหกขา โลกสมัยนี้ไม่มีผี ไม่มีผู้เฒ่าผู้แก่ ไม่มีมิติ ภูมิภพใดๆ  ผมจึงไม่เรียกว่า วัฒนธรรม แต่เรียกว่า รูปแบบชีวิตที่เป็นทาสทุนนิยม คนในโลกปัจจุบันนี้ ถูกพรากจากทุกอย่าง ถูกยัดเยียด สั่งสอน ให้เชื่อในลัทธิวิทยาศาสตร์ ที่แยกมนุษย์ ออกเป็นโมเลกุล ยีนส์ และนิวเคลียส เขาจึงสนใจแต่ตัวเอง คลั่งเสพ หิว อ้างว้าง และป่วย  ด้วยโรคขาดความสุข ไร้จุดหมายทางจิต จึงมีชีวิตอย่างโดดเดี่ยวและโหยหา

 

เสียงเพลงอันอึกทีก จังหวะที่เร้าใจ  ประหนึ่งบทสวดแห่งวิหารมหาเทพ เสียงเพลงช่วยปลดเปลื้องจิตวิญญาณ ออกจากการถูกกุมขัง ออกมาซ่อนตัวอยู่ในแสงไฟ ในความมืดสลัวราง เพื่อปกปิดตัวเอง พวกเขาต้องการดื่มให้เมา ก่อนแปลงร่าง... !!

 

มนุษย์ในโลกทุนนิยม ปัจจุบัน จึงน่าสงสาร ปราศจาก นรก สวรรค์ และไร้ศรัทธา....!!