คนแก่ คนเก่า คนก่อน

139 20 Sep 2024

 

2-3 วันมานี่ ทำไมในหัวผม ครุ่นคิดถึงคำนี้ ตลอดคำว่า “แก่” กับ “เก่า” คงเพราะส่วนหนึ่งผมเองเริ่มก็เริ่มแก่ ละมั้ง และผมก็ดูแลคนแก่ หมายถึง พ่อแม่  ที่ยิ่งนับวันยิ่งแก่ เงอะๆ งะๆ หูตาไม่ดี ย้ำคิดย้ำทำ อารมณ์แปรปรวนง่าย

ความแก่ กับคนแก่ บางทีก็อาจจะไม่ใช่ เป็นเรื่องเดียวกัน อย่างความแก่ บางทีไม่ใช่อายุ ที่มาก แต่หมายถึง ภาวะความรู้สึกนึกคิด ที่แบกรับ กังวล และครุ่นคิด (มากเกินไป)  หรือ ไม่รู้สึกว่า ตื่นเต้น ยินดียินร้ายกับโลก กับเหตุการณ์ และ หมายรวมถึง คนที่มองเห็น เข้าใจ ถ่องแท้ กระจ่างแจ้ง ทะลุปรุโปร่ง จนปลดปลงได้ วางได้ รับได้ ฯลฯ ความแก่ แบบนี้จึงเป็นความแก่ที่คนไม่น้อยถวิลหา ใฝ่ฝันถึง จึงฝึกฝน เคี่ยวเข็ญ อ่าน เขียน คิด มองโลก เดินทาง ทั้งทางกายภาพ และทางจิต คือ การภาวนา กรรมฐาน เพื่อหาความรู้แจ้ง กระจ่างใจ

 

ปัจจุบัน ความแก่เช่นนี้กลับเสื่อมหาย พบเห็นแต่คนแก่ ที่เกิดนาน อยู่นาน อายุมาก แต่ไร้ซึ่งวุฒิภาวะความแก่ ความสุขุมนุ่มลึก ความกระจ่างแจ้ง ความร่มเย็นเป็นน้ำ เป็นแสงสว่าง เป็นมงคลชีวิตให้ผู้เยาว์

 

เกือบ 20 ปีแล้ว ที่ผมกลับมา ดูแลพ่อแม่ และ เกือบ 10 ปีที่รับท่านมาอยู่ด้วย ซึ่งเราไม่เคยอยู่ด้วยกันนานๆ ใต้ชายคาแบบนี้ ตั้งแต่ผมอายุ 15-16 ปี หรือ ขึ้น ม.ปลาย ซึ่งจริงๆ แม้ว่เขาเป็นพ่อแม่เรา แต่ก็ไม่ง่าย เพราะเขาเองก็มีภาวะ มีความคิด มีอารมณ์ คนเราเกิดมา ไม่ได้เคยเป็นพ่อแม่มาก่อน ไม่เคยแก่มาก่อน ไม่เคยมีลูกโต มีปนวความคิด แตกต่างจากคนอื่นมาก่อน ทุกอย่างล้วนต้องเจอ ต้องปรับตัว ปรับความใจ ว่าอะไร แตะต้องได้ สั่งสอนได้ อะไรไม่ได้ เพราะ นั่นคือ ความคิดลูก ความเชื่อลูก รูปแบบชีวิตทัศนคติ ความสุข ความทุกข์ปวดร้าวของลูก

 

คนเกิดก่อน ที่เรียกว่าแก่ ไม่ได้หมายถึง ว่าความก่อน ความแก่ คือ ความถูกกว่า จริงกว่า กระจ่างกว่า กลับกัน ยิ่งเกิดก่อน แก่กว่า ถ้าไม่หาความรู้ ไม่เพิ่มพูนสติปัญญา หาความกระจ่าง ก็ยิ่ง แก่แต่ข้าว เฒ่าแต่อายุ และยิ่งคิดว่าตัวเองเกิดก่อน เคยเห็นมาก่อน นั้น ย่อมรู้ว่า จริงกว่า ความเชื่อแบบนี้ ยิ่งทำให้ ชีวิตลูกหลานยุ่งเหยิงจดจำเข้าใจ ในสิ่งที่ผิดๆ ถูกๆ ยิ่งนำพาบ้าน นำพาเมือง ไปสู่ปัญญา วุ่นวาย

 

คนอินเดีย เขาจะวางไว้เลยว่า อายุเท่าไหร่ ร่ำเรียน เท่าไหร่แต่งงานมีบุตร บริหารบ้านเมือง ทำราชกิจเท่าไหร่ อยู่บ้านเลี้ยงลูกหลาน อายุเท่าไหร่ออกบวช จาริก แสวงบุญ หาความกระจ่าง  และเท่าไหร่เตรียมตัวตายอย่าง สงบและสง่างาม

 

แต่บ้านเมืองเรา อะไรก็ไม่รู้ แก่จนประคองตัวไม่ได้แล้วยังลุ่มหลง บ้าอำนาจ ไม่ปลดระวาง ไม่ยกไม่มอบให้คนรุ่นหลัง ที่แน่ๆ ยังบ้าอำนาจอยู่เลย

 

5-6 ปีมานี่ ผมพูดกับพ่อแม่ บ่อยมาก เรื่องให้ทำจิตทำใจให้พร้อม หรือเตรียมตัวตาย  ให้ภาวนาอธิษฐาน ขอให้ตนนั้น ไปด้วยง่าย ตายอย่างสงบ และผมพูดบ่อยมาก เรื่องเป็นคนแก่ที่ร่มเย็น หรือที่เรียกว่า ร่มโพธิ์ร่มไทร อายุมากแล้ว ต้องไม่ร้อน ลดความอยากได้อยากมี ตัดให้ได้ความทุกข์ ความกังวล กิเลส ต่างๆ ซึ่งแม่ผม เปลี่ยนแปลงไปมาก แก่สงบขึ้น เย็นขึ้น เพราะความร้อน ในแง่หนึ่งคือทุกข์ เผาผลาญจิตใจ ทำให้ป่วย กินไม่ได้ นอนไม่หลับ  ความร้อน เป็นคุณสมบัติของคนหนุ่มสาว เพราะเป็นวัยที่ต้องใช้พลังงาน ต้องใช้ไฟชีวิต สู้สร้าง ทำงานหนักทำหน้าที่สำคัญ แต่คนแก่ ปลดแล้วปลงแล้ว วางแล้ว ต้องไม่ร้อน ไม่รุ่ม ไม่ระราน!

 

เมื่อวาน เปิดเจอข่าวคนแก่ จำพวก  ขี้งอน นอนง่าย โมโหร้าย ตายยาก ตบหัวนักข่าวหญิง เห็นแล้วได้แต่ถอดถอนหายใจ แก่ปูนนี้แล้ว ยังวางไม่ลง ปลงไม่ได้ ยึดติด ลุ่มหลง บ้าอำนาจ ทำบ้านเมืองระส่ำระสาย เดือดร้อนไปทั่ว แก่แบบนี้ อย่าได้เป็นกันเลย... !!

Contact Information

  • : มูลนิธิกองทุนไทย Thai Fund Foundation 2044/23 ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ บางกะปิ ห้วยขวาง กรุงเทพ 10310
  • : webmaster@thaingo.org
  • : 082 178 3849
  • : www.thaingo.in.th

Thai NGO

ข่าวสารสังคมนอกสื่อกระแสหลัก ข่าวสารความเคลื่อนไหว เกี่ยวกับเอ็นจีโอ ข่าวกิจกรรมเพื่อสังคม งานสัมนา สมัครงานเอ็นจีโอ ร้องเรียน แจ้งข่าว…ประนามประจาน !! ที่ได้รับความทุกข์ร้อนไม่เป็นธรรม