ความทรงจำของเด็กชายป่า

72 20 Sep 2024

ผมเกิดในบ้านป่า พ่อแม่เป็นลูกชาวนา จากทุ่งราบอีกฟากของจังหวัด อพยพมาบุกเบิกขุดทอง ( หมายถึง มาหาโชคลาภทำมาหากินในที่แห่งใหม่) จริงๆ แล้วมันคือนโยบายหลอกล่อ ชาวบ้านมาเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็ก หรือ เรียกอีกอย่าง คือ หมู่บ้านกันชน เนื่องจาก ป่าแถบนี้คือแหล่งซ่องสุม จรยุทธ ของพรรคคอมมิวนิสต์ ทำให้รัฐบาล ต้องการทำลายหรือลดพื้นที่ลง เหตุผลที่สองคือ พื้นที่แถบนี้คือ เป็นพื้นที่มีข้อพิพาท เรื่องเขตแดนกับกัมพูชาและเรามักแพ้คดีนี้ในศาลโลก เนื่องจาก กัมพูชาเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส (มีอิทธิพลในการเมืองโลก )และฝรั่งเศส  ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มทำแผนที่มาก่อน ด้วย หมายถึงหลักฐานต่างๆ มนการสู้คดี เขามีมากกว่า และเหตุผลที่สาม ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจ ในช่วงรัฐบาลจอมพลสฤษดิ์  ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรี ไทยมีนโยบาย เปลี่ยนป่าให้เป็นพื้นที่เพาะปลูก พืชเศรษฐกิจเพื่อการส่งออก

 

คนทุ่งมาอยู่ป่า บวกกับทำงานในเมืองแต่เยาว์ พ่อผมจึงไม่เก่งนักกับงานเกษตร หรือเป็นนายพราน ล่าสัตว์หาปูหาปลา ดำรงชีพ ครอบครัวผมจึงเติบโตมากับอาหารที่ทำจากพืช หรือ แมลง สัตว์เล็กสัตว์น้อยเป็นหลัก  ที่แม่เป็นคนออกไปขุดไปเก็บไปหา ผมจึงมีนิสัย ชอบกินผัก ชอบเมนูบ้านๆ และ ผูกพันกับอาหาร แบบนี้มาแต่เด็กๆ

 

ชีวิตคนที่หอบเสื่อผืนหมอนใบ มาตั้งรกราก ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ป่าที่อุดมไปด้วยสัตว์ป่า ไข้ป่า ป่าที่ห่างเมือง ตลาดจนต้องเดินทางเป็นวัน แม่เล่าผมนี่เป็นไข้มาลาเรีย ตั้งแต่อยู่ในท้อง และเคยเป็นทั้งไข้มาลาเรียและไข้เลือดออก รอดตายเพราะพ่ออุ้มขึ้นรถไฟ ไป รพ.ตำรวจที่กรุงเทพฯ

 

การรกราก ก็ยากลำบาก ไม่มีนา ไม่มีข้าว อาศัยแผ้วถาง ขุดโค่น เผา รื้อตอไม้ ทีละต้น ทีละต้น หลายปีกว่าจะได้ที่ทำกิน สักฝ่ามือ พ่อจึงโกรธมากที่เห็นผมเอาต้นไม้มาปลูกบนที่ดินของแกที่ยกให้ผม ในปีแรกๆ ที่กลับมาอยู่บ้าน เพราะมโนภาพเกษตรกรรมรุ่นนี้ คือ เปลี่ยนป่ารกทึบให้เป็นที่โล่งๆ สวยๆ มีเครื่องจักรทำงาน มีภาพพืชไร่ สุดลูกหูลูกตา!!

 

แม่ผมผู้เกิดมาก็เลี้ยงควายทำนาจนเติบสาวและออกเรือน นางไม่ได้เรียนหนังสือ ดังนั้น ความขยัน ความอึด ทน ทำให้มาก ให้เก่ง ให้นาน คือสิ่งที่นางท่องจำ และมุมานะ จำความได้ ก็เห็นแม่ไม่พักนั่ง ไม่งานไร่ก็ออกไปขุดปู หากบเขียน หนู แมงกุดจี่ หรือ เก็บผัก ตามห้วยตามหนอง และมักมีผมเดินตามอยู่ร่ำไป

 

แผ่วถางป่าได้ที่พอเพาะปลูก ก็จะเริ่มหยอดเมล็ดผัก มะเขือ พริก ข้าวโพด ฟักทอง ฟักแฟง แตงกวา สารพัดอย่าง แล้วก็หาบไปขาย ไปแลกข้าว แกหาบจากบ้านป่าไปถึงบ้านแนงมุด (ตะวันออก) และบ้านสายโท 5 สายโท 6 ในเขตอำเภอบ้านกรวด บุรีรัมย์ ออกจากบ้านแต่เช้ามืด พอเห็นทางสลัวๆ กลับมาก็มืดค่ำ หาบจนบ่าเป็นร่องลึก ข้าวมีน้อยก็อาศัยหุงผสมกับหัวมัน กินประทังยังชีพ กว่าจะเก็บหอมรอมริบ พอมีเงินมาซื้อที่ในหมู่บ้านตอนเราเริ่มเข้าเรียน

 

ชีวิตวัยเยาว์ ที่ลากเสียมเดินตามแม่ ไปทั่วทุ่งนา ป่าเขาในวัยเยาว์ กลายเป็นภาพความทรงจำ อันมากมาย พอเก็บเงินได้ มาซื้อที่อาศัยในหมู่บ้าน ก็เริ่มค้าขาย ผมกลายเป็นผู้ชายคนเดียวที่กลับจากโรงเรียนมาหาบน้ำ ขูดมะพร้าว โม่แป้งทำขนม และตื่นแต่เช้ามานั่งทนวดแป้ง ทอดขนม ทำน้ำยา (ขนมจีน) ทำกวยเตี๋ยว ต้มแซบ และไก่ย่าง แม่ผู้ไม่มีความรู้ แต่กลับเป็นผู้นำวัฒนธรรมอาหาร นำสินค้าในเมือง มาปรากฏที่นี่ บ้านป่า บ้านดง ต้มแซบวัว กวยเตี๋ยว ไก่ย่าง (ซี่โครง) ขนมไทย สารพัด อาทิ ดอกจอก นางเล็ต ไข่ห่านไข่หงส์ ขนมครก ขนมจีน ใบหูช้าง ใบบัว กล้วยแขก น้ำแข็งใสรวมมิตร ผัดหมี่ ฯลฯ พ่อผู้มองการไกล เก็บเงินซื้อรถกระบะ (คันแรกๆของหมู่บ้าน) ทำให้สะดวกในการเข้าเมือง ไปซื้อสินค้า โดยเฉพาะน้ำแข็ง สิ่งมหัศจรรย์ที่คนบ้านป่าอย่างเราตื่นเต้นมาก คือ น้ำแข็ง !!

 

ความทรงจำของผม ที่มองแม่มาแต่เยาว์ ยังคงแจ่มชัดมาก จนวันหนึ่งผมจึงตัดสินใจ เขียนเรื่องราวของเขาไว้เป็นหนังสือ รวมเรื่องสั้น “แม่ก็มีอุดมการณ์” เพื่อว่าวันหนึ่งเมื่อแม่ไม่อยู่ เรื่องราวของแกยังมีบนโลก และผมคือคนเดียวที่เล่าเรื่องราว

Contact Information

  • : มูลนิธิกองทุนไทย Thai Fund Foundation 2044/23 ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ บางกะปิ ห้วยขวาง กรุงเทพ 10310
  • : webmaster@thaingo.org
  • : 082 178 3849
  • : www.thaingo.in.th

Thai NGO

ข่าวสารสังคมนอกสื่อกระแสหลัก ข่าวสารความเคลื่อนไหว เกี่ยวกับเอ็นจีโอ ข่าวกิจกรรมเพื่อสังคม งานสัมนา สมัครงานเอ็นจีโอ ร้องเรียน แจ้งข่าว…ประนามประจาน !! ที่ได้รับความทุกข์ร้อนไม่เป็นธรรม