ความเชื่อส่วนบุคคล

1290 27 May 2024

 

ผมว่าหลายคนคง คิดในใจว่า เรื่องราวหรือเหตุการณ์ต่างๆ รอบตัวเรานี้นั้น เราควรคิดแบบไหน หรือ แสดงออกอย่างไร เพราะอะไร โดยเฉพาะเรื่อง ความเชื่อ ความศรัทธา ความเคารพ ถ้าเป็นสังคมตะวันตก ที่รากฐานการคิดของคนในสังคม ค่อนเข้มแข็ง กับมุมมอง ความคิด ความเชื่อ และยึดมั่นในสิ่งที่เรียกว่า เสรีภาพ ทั้งในทางกายภาพและความคิดความเห็น ความเชื่อต่างๆ ก็ไม่ต้องกังวล เพราะคนในสังคมมีหลักการ หรือมีหลักคิดในการมอง วิเคราะห์ สิ่งรอบตัว อย่างฉลาด มีคำถาม มีความสงสัย และวิพากษ์วิจารณ์ ตรงไปตรงมา โดยบนพื้นที่สาธารณะ ทำให้ การครอบงำ การมอมเมา อย่างไร้เหตุไร้ผล ไร้หลักคิดหลักคำสอน เป็นไปได้ยาก หรือ ไม่มีพลังชี้นำ ครอบงำ

 

ในสังคมไทย ไม่อย่างนั้น สังคมไทยสอนให้ฟัง ให้จำ ให้เคารพ ให้รู้จัก กาลเทศะ อะไรควรไม่ควร ซึ่งก็เต็มไปหมด เรียนสูงๆ จบดีกรีปริญญา โท เอก ยังไงก็ยัง คุกเข่ากราบกราน และก็กราบมั่วไปหมด ครูก็ไหว้ อาจารย์ก็กราบ รุ่นพี่ก็เคารพ รูปเหมือนก็บูชา วุ่นวายมากมายไปด้วยพิธีกรรมและการ เทิดทูล จัดวาง พื้นที่ในสังคมจึงทับซ้อนไปด้วย สัญลักษณ์ความเชื่อ อำนาจ และลึกกว่านั้น คือ รายได้ ผลประโยชน์  ทำให้ประเทศนี้ไม่เคย ร้างลา ไร้ข่าว ขบวนการต้มตุ๋น เหยื่อ และธุรกิจ ความศรัทธา ที่รื้อสร้าง แสดงออก ตลอดเวลา

 

นี่คือเหตุผลหนึ่ง ว่าทำไม กระบวนการพัฒนาประชาธิปไตยบ้านเรา ไม่ก้าวหน้าไปไหน วันๆ คนไทย ดหยหาแต่อภินิหาร สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทพ เทวา ใครขุดอะไรมา ก็ถลา ไปกราบไปไหว้ ไปขอ ขอๆๆ ขอตะพึดตะพือ อยากรวยไวๆ อยากก้าวหน้าง่ายๆ ไม่อยากให้ชีวิตมีอุปสรรค มีปัญหา จึงชอบวิ่งหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ผู้หบักผู้ใหญ่   เป็นสังคมที่อยากได้ของเปล่า ของฟรี และขี้อิจฉาริษยา 

 

จึงไม่ชอบความขัดแย้ง ซึ่งหน้า โต้แย้ง วิจารณ์ แสดงจุดยืน ตรงไปตรงมา การเมือง ก็เลยได้เลยได้แต่คน หรือ พรรค ที่เสนอว่าจะแจก แจก แจก ไม่มีใครถามหรือสนใจว่า จะหายังไง เรามีอะไร เราทำได้ หรือไม่ได้ ศักยภาพเราเพียงพอหรือเปล่า หรือ จะทำงานแบบไหน จะสร้างอย่างไร

 

เราจึงเป็นพวกไม่อยากเหนื่อย ไม่อยากรับผิดชอบ ไม่อยากยุ่ง ไม่อยากลงแรง ไม่อยากเคี่ยวกรำ ฝึกฝน ปฏิบัติ อย่างพากเพียร อยากได้ นายกรัฐมนตรี ดีๆ แบบไม่เอาเลือกตั้ง ไม่เชื่อในมันสมอง วิจารณญาณ ตัวเอง ไม่เชื่อในคนอื่น ไม่ศรัทธาคนเหมือนกัน โหยหาแต่เทพ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขาวสะอาด ไม่เปื้อนมลทิน มันได้ไปกอง ไปออยื่นหน้าผาก ล้านๆ ยื่นหัวหงอกๆ ให้ไอ้เด็กพึ่งเกิด เจิม เชื่อมจิต จิตนะไม่ใช่น้ำตาล มึงจะเชื่อมไปทำกรวยอะไร ?

 

พระพุทธองค์เพียรปฏิบัติตั้งหลายสิบชาติ หรือ ในชาติที่ทรงบรรลุโสดาบัน ก็เพียรเรียนรู้ไปหาอาจารย์ ไปสนทนาหาความกระกระจ่างกับผู้รู้ นักบวช ไปฝึกฝนตนเอง พินิจ ครุ่นคิด เกือบทั้งชีวิตกว่าจะรู้แจ้ง เห็นสัจธรรม หัวใจที่เขาสอน ไม่ใช่แค่การบรรลุโสดาบัน เป็นพระอรหันต์ แต่หัวใจที่คนไม่จำใส่ใจเลย คือ การปฏิบัติ การเรียนรู้การเพียรเพ่งมองตนเอง และ ป่านนั้น ก็ไม่เคยอุตริว่าตนวิเศษทั้งสำรวม ทั้งนบนอบ  กับผู้คน พุทธองค์ก็ยังเริ่มต้นด้วยการสนทนา ฟัง คิด และพูด เป็นเสวนาธรรม หมายถึง เรียนรู้ไปด้วยกับผู้สนทนา ความเป็นผู้วิเศษเกิดจากเรามอง การปฏิบัติ เห็นผลลัพธ์จากการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เห็นดีเห็นงามเพราะเราไตร่ตรองดี มองดูครบแล้ว จึงเกิดแรงศรัทธา ไม่ใช่พึ่งเกิด แม่ยังป้อนข้าวอยู่เลย มึงก็พากันกราบ คลาน เอาหน้าผาก  เอาหัวหงอกๆ ไปให้เด็กเคาะเล่น

 

บางคนว่า ความเชื่อส่วนบุคคล  มันจะส่วนบุคคลได้อย่างไร บางคสเอาตำแหน่งอาจารย์ มาค้ำยัน บางคนเอาฐานะปริญญา เอาตำแหน่งหน้าที่การงาน เอาหน้าตาทางสังคม มาประกัน มาเป็นแอดมิน ทำเพจ ทำสื่อ แพร่ไปทั่ว หลอกคนโง่ ในประเทศนี้ ซึ่งแม่งก็เยอะจนน่ากังวล แห่กันมาเป็นคลื่น มืดมนอนธกาล

 

ส่วนบุคคล คือ ทำกันเงียบๆ มีขอบเขตความศรัทธา มีราก มีความเชื่อมโยงดีงามในวิถี วัฒนธรรม ส่วนบุคคล หรือ เสรีภาพของปัจเจก รากฐานความคิดแบบนี้ เขาเคารพคนอื่นอย่างเข้มแข็ง มีหลักคิดเป็นวิทยาศาสตร์ ถกเถียง โต้แย้ง กันบนที่สาธารณะ ให้สังคมเข้าใจ ยอมรับ ไม่ใช่ แสดงออกแต่เรื่องอภินิหารประโลมโลก

 

อากาศยิ่งร้อนๆ อยู่ อยากเบิ๊ดกะโหลกจุติเทพ ขึ้นมาตะหงิดๆ!!

Contact Information

  • : มูลนิธิกองทุนไทย Thai Fund Foundation 2044/23 ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ บางกะปิ ห้วยขวาง กรุงเทพ 10310
  • : webmaster@thaingo.org
  • : 082 178 3849
  • : www.thaingo.in.th

Thai NGO

ข่าวสารสังคมนอกสื่อกระแสหลัก ข่าวสารความเคลื่อนไหว เกี่ยวกับเอ็นจีโอ ข่าวกิจกรรมเพื่อสังคม งานสัมนา สมัครงานเอ็นจีโอ ร้องเรียน แจ้งข่าว…ประนามประจาน !! ที่ได้รับความทุกข์ร้อนไม่เป็นธรรม