อยู่กับปัจจุบัน...

989 24 Aug 2023



เมื่อก่อนผมนี้ ขำคำนี้มากเวลาไปฟังเทศนาธรรม หรือ เวลามีปราชญ์ มีผู้เฒ่าที่คงแก่เรียน สั่งสอนว่า “ให้อยู่กับปัจจุบัน” ไม่หลงอนาคต ไม่จ่อมจมกับอดีต ขำเพราะผมมักมีคำถามว่า “เรากูไม่ได้อยู่กับปัจจุบันตรงไหน ว่ะ ?” ก็ทำงานทำการทุกวัน รู้สึก อ่านปฏิทิน จำวัน จำเดือน ทุกวัน คุยกับคนปกติ อ่านเฟส ตอบเมล์ทุกชั่วโมง ความจริงแล้วไม่ใช่ ความหมายนั้น ( ในความเข้าใจของผม ณ เวลานี้ )

อยู่กับปัจจุบันหมายถึง อยู่กับสิ่งที่ทำ ตื่นตัวมีสติ ผมเริ่มเข้าใจคำนี้ เมื่อตัวเองกลับมาทำเกษตร ปลุกต้นไม้ คลุกอยู่กับที่ดิน ปลูกนู้น เพาะนี่ แต่ใจลึกๆ กลับเฝ้ารอ หรือ อยากทำอื่น ใจไม่ได้อยู่กับต้นไม้ ใบหญ้า จริงๆ หรือ อยู่บ้างแต่ก็ วาบ แว๊บ วนไปวนมา ถึงบางอย่าง บางภาพที่ตัวเอง มีกินมีใช้ มีฐานะ โดยไม่รู้ว่า จะไปทำให้มีได้อย่างไร แต่ก็อยากมี ชีวิตแบบนี้ผมเห็นเยอะมากรายล้อม รอบตัวผม ที่วันๆ เอาแต่เพ้อเจ้อ ฟุ้งฝัน พร่ำบ่นภาพตัวเองร่ำรวย มีกินมีใช้ ทั้งๆ ที่ชีวิตจริงๆ วันๆ ทำแต่สิ่งเดิม ทำแบบเดิม ทำเท่าเดิม กรีดยางพารา ขุดมันสำปะหลัง หรือ ทำนา ในกรณีก็คิดไปถึงเรื่องบ้านเล็กๆ นั่งเขียนหนังสือ อย่างมีความสุข หรือมีธุรกิจใหญ่โต ขายโน้น ผลิตนี่ ฯลฯ แล้วก็ปลอบใจตัวเองไปว่า เดี๋ยวคงจะมีใครสักคน จากที่ห่างไกล เชิญไปทำงาน เชิญไปรับตำแหน่งอะไรสักอย่าง คิดเพ้อเจ้อแล้วก็เอาแต่ครุ่นคิด ไปวันๆ จนวันหนึ่ง ข้าวสารที่หุงเริ่มไม่พอกิน ต้องออกไปซื้อทีละ กิโล สองกิโล น้ำปลาเริ่มหมด ต้องหันมาใช้เกลือ สบู่หมด ยาสระผมหมด แป้งหมด น้ำมันพืชหมด ไปจนถึง ค้างค่าไฟ ค่าน้ำ รถไม่มีน้ำมัน เครื่องสูบน้ำไม่มีน้ำมัน ไม่มีปู๋ยใส่พืชผัก ไม่มีเงินซื้ออาหารปลา ฯลฯ ไม่มีจะกิน
!!!

ชีวิตคนที่ต้องหายใจให้รอด มันไม่ได้สวย ไม่ได้ง่ายๆ อย่างที่เพ้อเจ้อ แต่มันอยู่รอดด้วยการทำงานหนักมาก ต้องหาให้ได้ทุกวันวันละ 2-3 ร้อยบาท เป็นค่ากับข้าว ค่าพริก กะปิ น้ำปลา ฯลฯ ต้องคิด ต้องวางแผน ต้องมองทางออก ทางอด ทางอิ่ม อยากกินปลาทำยังไง อยากกินผักไม่ต้องซื้อทำไง หลังจากกลับมาทำเกษตรเป็นชาวไร่ชาวสวนอยู่ได้ 5-6 ปี ความสิ้นหวัง ความเหนื่อยระยำ เกาะกิน กัดกร่อนพลังชีวิตไปมาก โลกสวยๆ ที่วาดไว้มันไม่มีจริง เงินในมือสักพันสองพัน กำไว้แน่น อยากได้เสื้อผ้าสักตัว อยากซื้อสร้อยสักเส้นให้เมีย อยากพาเธอไปกินอาหารอร่อยๆ ฯลฯ ทำไม่ได้สักอย่าง เพราะในใจคิดแต่เรื่อง ค่าข้าวสารเดือนหน้า ค่างวดรถ ค่าน้ำค่าไฟ ที่สำคัญค่ากินแต่ละมื้อ แต่ละมื้อ นี่แหละชีวิตจริงๆ ของคนส่วนใหญ่บนโลกนี้ คนที่เรียกตัวเอง ว่า “คนจน”

 วันหนึ่งเมื่อคนที่รักเอ่ยปากขอแยกทางกลับบ้าน ผมอนุญาตและเซ็นใบหย่าให้เธอแต่โดยดีเพราะผมรู้แล้วว่า ชีวิตที่นี่ อยู่รอดยาก หรือ ไม่ง่าย ถ้าจะหายใจอยู่อย่างมีความฝัน ความหวัง หลังจากเธอไปไม่นานผมเริ่มรู้สึกตัวและทรุดลง หนักหน่วงแม่ก็ล้มป่วยหนักอยู่ในขั้นวิกฤติ ผมสลัดทุกอย่างที่อยู่ในใจ เพื่อรับมือกับชีวิต คนๆ เดียว ทั้งต้องดูแลงานไวน์ ( งานหมัก บ่ม บรรจุขาย ทั้งรับแขกลูกค้า และแพ็ค ส่ง ) และ ดูแลแม่ป่วยติดเตียง เป็นห้วงเวลาที่หนักมากสำหรับ มีคำๆ หนึ่งที่ผมขุดขึ้นมาใช้ปลอบใจตัวเอง คือ อยู่กับปัจจุบัน

อยู่กับปัจจุบัน ไม่มีอดีตให้เจ็บปวดรวดร้าว ไม่มีอนาคตสวยๆ ให้นั่งเพ้อเจ้อ วาดฝัน วางแผน แต่อยู่กับการตื่นมา เช็ดตัวแม่เปลี่ยนผ้าปู เสื้อผ้า เทฉี่ เก็บอึ และป้อนยา ป้อนอาหาร จาก1 วัน เป็น 1 เดือน เป็น 1 ปี 2 ปี อยู่กับปัจจุบันคือการคิดแค่สิ่งที่วันนี้ ต้องทำอะไรบ้าง ทำให้เสร็จ ทำให้ครบ แล้วก็พักผ่อนนอน ไม่คิดมาก ไม่วิตก ไม่กังวล ปล่อยวาง ให้ว่างเปล่า!!

การเข้าใจอะไร เช่นนี้ ทำให้เราหลับสบายและผ่องใสจากภายใน มาถึงวันที่เข้มแข็งพร้อมรับความจริงในอดีต ผมนั่งทบทวนเรื่องราวต่างๆ อย่างตรงไปตรงมา และเข้าใจได้ เข้าใจตัวเอง เข้าใจตัวเธอ เข้าใจโชคชะตาและสภาพความจริง รายรอบตัว จากคนทำงานสื่องานเขียน มาสู่ผืนดินเพาะปลูกเป็นเกษตรกร และผันมาเป็นคนผลิตคนสร้างสรรค์สินค้า จนวันนี้ มาเป็นพ่อค้า ใช้ชีวิต ค้าๆขายๆ รับเงินและเอ่ยคำขอบคุณ ทุกคน ทุกวัน ไม่ได้รู้สึกผิดแปลกแยกแย้งตัวเอง ที่ปรับเปลี่ยนอาชีพไปตามวงโคจรของโชคชะตา กลับกัน ผมรู้สึกสนุกมาก ยิ่งแอบรู้มาว่า ชีวิตคนเราเกิดครั้งเดียวตายครั้งเดียว ไม่มีโลกหน้าหรอก ยิ่งทำให้ผมเพิ่มความสนุกกับสิ่งที่ทำ ในทุกๆ วัน ผมอยู่กับปัจจุบันครับ

Contact Information

  • : มูลนิธิกองทุนไทย Thai Fund Foundation 2044/23 ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ บางกะปิ ห้วยขวาง กรุงเทพ 10310
  • : webmaster@thaingo.org
  • : 082 178 3849
  • : www.thaingo.in.th

Thai NGO

ข่าวสารสังคมนอกสื่อกระแสหลัก ข่าวสารความเคลื่อนไหว เกี่ยวกับเอ็นจีโอ ข่าวกิจกรรมเพื่อสังคม งานสัมนา สมัครงานเอ็นจีโอ ร้องเรียน แจ้งข่าว…ประนามประจาน !! ที่ได้รับความทุกข์ร้อนไม่เป็นธรรม