ปฏิบัติการแก้ปัญหาคนจน ตอนที่ 2 เศรษฐศาสตร์เกษตร

1166 03 Feb 2022


การมาทำเกษตรตลอด 10 กว่าปีที่พยายาม ดิ้นรน เขยิบขยับ วิธีการ เปลี่ยนพืช เปลี่ยนเทคนิค เปลี่ยนทิศทาง เพื่ออยู่ เพื่อขาย เพื่อเงิน เพื่อยังชีพ ทดลอง และหาคำตอบ จากผู้รู้ จากผู้เฒ่าผู้แก่ และจากก้นบึ้งในใจตัวเอง ทำเกษตรโดยมองที่ความสุข เน้น สังคมชุมชน ครอบครัว ทำเกษตรโดยหวังที่รายได้ กำไร หรือ ความคุ้มทุน ทำเกษตรเพื่อหวังหลักประกันชีวิต ยามชราแก่เฒ่า ทั้งหมด ก็ล้วนถูกนำมาขบคิด อธิบาย ทำความเข้าใจ

ผมเรียกว่า เศรษฐศาสตร์คนจนหรือ เศรษฐศาสตร์เกษตร และนี่ คือ ที่มาทำไม ผมวิจารณ์ โมเดลบางอย่าง ว่า มันปลอม เพราะถ้าคำนวณกันจริงจัง ในมิติการคิดแบบเศรษฐศาสตร์ บ้างก็อาจจะอ้างว่า ความสุข คำนวณเป็นเงินหรือรายรับรายจ่ายไม่ได้ มันก็จริง ถ้าความสุขนั้น ไม่มีต้นทุนเลย แต่ชีวิตแม้แต่เกษตรกร สำหรับผม มันมีต้นทุน มีค่าน้ำค่าไฟ มีค่าภาระภาษี ที่ถูกผลักมาเป็นรายจ่าย ค่าน้ำมัน ค่ากะปิ น้ำปลา ยาหม่อง ฯลฯ จะเด็กหรือคนชรา ทุกคนจึงมีต้นทุนชีวิต เป็นพื้นฐาน ดังนั้น ถ้าเข้าใจ ก็จะมองเห็นว่า คนชนบทปัจจุบันทำงานหนัก หรือทำงานหลายทาง ผัวเมีย คู่หนึ่ง ทำทั้งกรีดยาง ขุดมันสำปะหลัง ขายขอออนไลน์ ฯลฯ

รูปแบบชีวิตคน กำลังวิวัฒนาการไปตามแรงผลักทางเศรษฐกิจและเป็นเหมือนกันทั้งโลก ฉะนั้น กลไกที่มีหน้าที่ สนับสนุน หรือ พัฒนารากฐานการผลิต การค้า เศรษฐกิจ หลักประกัน แหล่งทุน เทคโนโลยี และ การลงทุนระบบโครงสร้างหลายๆ ด้าน คือ รัฐ ผ่านกลไกราชการ ปัญหาคือ รัฐกลับวนไปวนมา ที่จะสร้างการพัฒนาให้ประชาชน มีคสามพร้อม มีศักยภาพที่สอดคล้องกับโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลง และแข่งขันกันสูง ถ้าเราเชื่อว่า คนไทยชอบความพอเพียง ปัญหาราคาพืชผักตกต่ำ และ การถูกครองตลาดจากสินค้าเกษตรจีน เราจะไม่กระทบ ซึ่งความจริง ตรงกันข้าม ตอนนี้ สินค้าเกษตรของไทย เกือบทุกรายการ กำลังดิ่งลง ตกต่ำ และ ไร้ทิศทาง

การสร้างกรอบคิด ทางเศรษฐศาสตร์ คือการคิดแบบมีคุณภาพ คุ้ม ไม่คุ้ม และการคิดแบบนี้ จะทำให้ประชาชนมองทุกสิ่งอย่างีรายรอบตัว รวมถึง การเมือง รัฐบาลและการทำงานของรัฐ ทีผมพยายามพูดมาตลอดว่า ถ้าคิดแง่เศรษฐศาสตร์แล้วนั้น กิจกรรม หรือ สิ่งที่รัฐทำ เป็นประจำ ประเมินผลแล้ว ไม่คุ้มทุน หรือ จะพูดให้ถูกที่สุด คือ ขาดทุนย่อยยับ ถ้าวัดที่ความสัมฤทธิ์ผล

แต่ในวิถีของคนชนบท เกษตรกร การคิดแบบนี้ จะทำให้ชาวบ้าน หรือ เกษตรกร ปรับเปลี่ยน วิธีคิด วิธีการ ถ้าจะออกรถ ก็ต้องมาคิดว่า รถหนึ่งคันมูลค่า
4-5 แสนบาท สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ เท่าไหร่ ? ทำนา  1 แปลง ขนาด 5 ไร่ ใช้ปุ๋ยเท่าๆไหร่ เมล็ดพันธุ์ แรงงาน เทียบกับเวลา และมูลค่าผลผลิต เท่าไหร่ ? ผมเคยคำนวณเล่นๆ ได้คำตอบมาว่า เงินที่ลงทุนไปนั้น ถ้าเอามาซื้อข้าว อาจจะได้เยอะ หรือ ได้เท่ากัน หรือได้น้อยกว่าเล็กน้อย แต่ ไม่เหนื่อย ถ้าจะลดต้นทุน ก็ต้องมีแรงงาน เครื่องจักร มองที่แรงงาน ไม่มี เกือบ 90% ลูกหลานไปเรียนและมีชีวิตในเมือง เครื่องจักร มูลค่าหลายแสน พื้นที่ ขนาด 5 หรือ 10 หรือ 20 ไร่ ที่คนส่วนมากมี ไม่คุ้มกับการออกรถไถ หรือเครื่องจักร

พินิจต้นทุน ชีวิต ค่าน้ำค่าไฟ ค่าอาหาร ค่าใช่จ่ายลูกๆ ไปเรียน แต่ละวัน ค่าภาษีสังคม งานบวชงานแต่งงานศพ กฐินผ้าป่า ฯลฯ เฉลี่ยต่อคน ต่อปี เท่าไหร่ ?

การที่ใคร ไม่ว่าจะเป็นราชการ หรือนักพัฒนา  จะไปผลักดัน ชาวบ้านให้ทำอะไร แบบไหน พื้นฐานเลยคือ ต้องเข้าใจภาวะเงื่อนไข ความหวัง และ ความเป็นไปได้ ไม่ใช่ ทำเพราะนายสั่ง เพราะแผนกำหนดมาจากส่วนกลาง หรือ แค่เพื่อเทิดทูล อะไรก็แล้วแต่

ทุกวันนี้ ชาวบ้าน ไม่ใช่แค่คิดเรื่องึความคุ้ม ไม่คุ้มทุน แต่คิดแม้กระทั่ง เวลา ทำอะไรกี่ชั่วโมง ได้เท่าไหร่ เพราะเวลา คือ เงื่อนไขสำคัญทำให้ สามารถทำยอดรายได้ แต่ละวัน  นี่คือ สิ่งที่ชาวบ้านส่วนมากคิด ฉะนั้น ผมจึงมักมีคำถาม ว่าไอ้ โมเดลจำพวกพอเพียง ทั้งหลาย ว่า เอางบมาละลายเล่น ทำไม ?


 

Contact Information

  • : มูลนิธิกองทุนไทย Thai Fund Foundation 2044/23 ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ บางกะปิ ห้วยขวาง กรุงเทพ 10310
  • : webmaster@thaingo.org
  • : 082 178 3849
  • : www.thaingo.in.th

Thai NGO

ข่าวสารสังคมนอกสื่อกระแสหลัก ข่าวสารความเคลื่อนไหว เกี่ยวกับเอ็นจีโอ ข่าวกิจกรรมเพื่อสังคม งานสัมนา สมัครงานเอ็นจีโอ ร้องเรียน แจ้งข่าว…ประนามประจาน !! ที่ได้รับความทุกข์ร้อนไม่เป็นธรรม