2350 30 Aug 2021
ขอบคุณภาพข่าว จาก www.thairath.co.th
“การพิชิตนครมักกะฮ์ของนบี”
อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ)
Shukur2003@yahoo.co.uk
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตากรุณาปรานีเสมอ ขอความสันติและความจำเริญแด่ศาสนฑูตมุฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีผู้อ่านทุกท่าน
ภาพข่าวที่สื่อทั่วโลกรายงานสดนักรบฏอลิบานเข้าสู่ทำเนียบประธานาธิบดีของอัฟกานิสถานยึดอำนาจรัฐบาลหุ่นเชิดอเมริกา(ตามทัศนะฏอลิบาน) เมื่อ วันอาทิตย์ 15 สิงหาคม 2564 แล้วอ่านอัลกุรอาน ซูเราะห์ ที่ 111 อัลนัสร์ (แปลว่าความช่วยเหลือ)
سورة النصر
มีสามโองการดังนี้
آية: 1
إِذَا جَآءَ نَصۡرُ ٱللَّهِ وَٱلۡفَتۡحُ
[110.1] เมื่อความช่วยเหลือของอัลลอฮฺ และการพิชิตได้มาถึงแล้ว
آية: 2
وَرَأَيۡتَ ٱلنَّاسَ يَدۡخُلُونَ فِي دِينِ ٱللَّهِ أَفۡوَاجٗا
[110.2] และเจ้าได้เห็นประชาชนเข้าในศาสนาของอัลลอฮฺเป็นหมู่ๆ
آية: 3
فَسَبِّحۡ بِحَمۡدِ رَبِّكَ وَٱسۡتَغۡفِرۡهُۚ إِنَّهُۥ كَانَ تَوَّابَۢا
[110.3] ดังนั้น จงแซ่ซ้องสดุดีด้วยการสรรเสริญพระเจ้าของเจ้า และจงขออภัยโทษต่อพระองค์เถิด แท้จริงพระองค์
(ฟังและดูคลิปย้อนหลังใน
https://www.facebook.com/1245604111/posts/10226560774346005/?d=n)
การอ่านอัลกุรอานซูเราะห์ ดังกล่าวข้างต้นทำให้นึกถึงการพิชิตนครมักกะฮ์ของนบีมุฮัมมัดและฏอลิบาน เองก็คงส่งสัญญาณบางอย่างต่อประชาคมโลกโดยเฉพาะมุสลิม
สำหรับการพิชิตนครมักกะฮ์ของนบีมีรายละเอียดดังนี้
#1.สาเหตุของการพิชิตนครมักกะฮ์ของนบีมุฮัมมัด
หลังจากที่ได้ทำข้อตกลงประนีประนอม ณ �ฮุดัยบียะฮ์� 18 เดือน จึงเกิดสงครามระหว่างเผ่าคุซาอะฮ์ซึ่งเป็นมิตรของมุสลิม กับเผ่าบนีบักร์ ซึ่งร่วมกับชาวกุเรช โดยพวกกุเรชเข้ามาแทรกแซงและให้การสนับสนุนในการทำสงคราม แต่ตามเงื่อนไขของสนธิสัญญาประนีประนอมที่ฮุดัยบียะฮ์ได้บ่งบอกไว้ว่า �การละเมิดใดๆก็ตามที่มีต่อมิตรของมุสลิม ให้ถือว่าเป็นการละเมิดสนธิสัญญาที่ได้ทำกันไว้� เพราะฉะนั้นจึงถือว่ากุเรชได้ทำผิดสนธิสัญญาประนีประนอม ด้วยเหตุนี้ท่านเราะซูล (นบีมุฮัมมัด)ให้ความช่วยเหลือเผ่าคุซาอะฮ์ ทันทีที่พวกเขาร้องขอความช่วยเหลือมา
บรรดามุสลิมได้เคลื่อนทัพสู่นครมักกะฮ์ และทำการพิชิตนครมักกะฮ์
พวกกุเรชรู้สึกเสียใจต่อการเข้าไปรุกรานมิตรของท่านเราะซูล จึงส่งอบูซุฟยานไปหาเพื่อยืนยันในข้อตกลงสงบศึก แต่ได้รับความล้มเหลวในการเจรจา อบูซุฟยานจึงเดินทางกลับมักกะฮ์อย่างผู้ผิดหวัง ท่านเราะซูล ได้มีคำสั่งให้บรรดาซอฮาบะฮ์(อัครสาวกศาสนฑูต)เตรียมพร้อมเพื่อออกเดินทาง โดยที่มิได้แจ้งให้ทราบถึงทิศทางที่จะไป จนเมื่อกำหนดเวลามาถึง ท่านเราะซูล ได้แจ้งให้บรรดาซอฮาบะฮ์ทราบถึงความประสงค์ที่จะไปทำสงครามที่นครมักกะฮ์ ท่านต้องการจู่โจมพวกกุเรชอย่างกระทันหันไม่ให้ระวังตัว เพื่อจะได้ยอมจำนนโดยไม่มีการต่อสู้กัน
บรรดามุสลิมได้ออกเดินทางไปกับท่านเราะซูล ในวันที่ 10 เดือนรอมฎอน ปีที่ 8 แห่งฮิจญ์เราะฮ์ศักราช มีจำนวนทั้งสิ้น 10,000 นาย เมื่อบรรดามุสลิมเดินทางเข้ามาใกล้นครมักกะฮ์ มีผู้นำกุเรช อบูซุฟยานได้มองเห็นกองกำลังของมุสลิมในขณะที่กำลังลาดตระเวนอยู่ จึงรีบเดินทางกลับเข้ามักกะฮ์ เพื่อเรียกร้องให้ชาวมักกะฮ์ยอมจำนน และห้ามมิให้ทำการต่อต้านใดๆ ท่านเราะซูล ได้กระจายกองกำลังเข้านครมักกะฮ์ และห้ามมิให้สังหารผู้ใด เว้นแต่มีคนต่อสู้ขัดขวางและสังหารมุสลิมก่อน มุสลิมจึงได้รับความสำเร็จในการเข้าสู่นครมักกะฮ์ ทันทีที่ท่านเราะซูล เข้าไปในนครมักกะฮ์ ท่านได้ประกาศให้ความปลอดภัยแก่ทุกคนที่อยู่ในบ้านเรือนของตน และใครก็ตามที่เข้าไปในบ้านของอบูซุฟยาน เขาผู้นั้นจะได้รับความปลอดภัย ผู้ใดวางอาวุธเขาก็เป็นผู้ที่ปลอดภัยเช่นกัน
ท่านเราะซูล เข้าในนครมักกะฮ์อย่างสำรวมนอบน้อมต่อพระผู้เป็นเจ้า ท่านมิได้เข้าไปเหมือนดังกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ หรือต้องการจะทำการแก้แค้นศัตรู ทั้งๆที่มุสลิมได้ประสบกับความเจ็บปวด การถูกทำร้าย ถูกรังแก จากชาวมักกะฮ์มากมายทั้งก่อนและหลังการอพยพ ท่านเราะซูล ได้ประกาศต่อหน้ากลุ่มชนชาวกุเรชที่อยู่ในสภาพกระวนกระวายใจว่า :
�ท่านทั้งหลายคิดว่าฉันจะทำอย่างไรกับพวกท่าน ?�
พวกเขากล่าวว่า :
�ท่านจะต้องทำในสิ่งที่ดีแน่ ๆ เพราะท่านเป็นคนมีเมตตา และเป็นลูกของคนมีเมตตา�
ท่านเราะซูล กล่าวว่า :
((لا تثريب عليكم اليوم يغفر الله لكم ))
�วันนี้ ไม่มีการตำหนิติเตียนต่อพวกท่านแต่ประการใด เพราะอัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา จะทรงอภัยโทษให้แก่พวกท่าน� (*1*)
ท่านเราะซูล ได้ให้อภัยแก่ชาวมักกะฮ์ เว้นแต่คนที่ทำผิดข้อสัญญาและข้อตกลงซ้ำแล้วซ้ำเล่า พวกเขายังล่วงละเมิดด้วยการเยาะเย้ยถากถางท่าน และศาสนาของอัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ท่านจึงสั่งให้ฆ่าพวกเหล่านั้น และได้ทำลายรูปบูชารูปปั้นทั้งหมด และชำระล้างมัสญิดฮะรอมให้สะอาด บริสุทธิ์จากรูปบูชาเหล่านั้น ท่านเราะซูลได้ส่งซอฮาบะฮ์ไปทำลายรูปบูชาของเผ่าอื่นๆด้วย การพิชิตนครมักกะฮ์ และการให้อภัยชาวมักกะฮ์ทั้งหมด ทำให้พวกเขาเข้ารับนับถือศาสนาอิสลาม การต่อต้านจึงได้ยุติลง
#2.ผลสำเร็จของการพิชิตมักกะฮ์
การพิชิตมักกะฮ์เป็นการเผชิญหน้าครั้งสุดท้ายกับพวกปฏิเสธชาวกุเรช และด้วยการยอมจำนน ทำให้อุปสรรคที่กีดขวางแนวทางของอิสลามต้องหมดสิ้นไป มีชนเผ่าต่างๆ คิดว่าจะต้องมีการต่อสู้ระหว่างมุฮัมมัดกับพวกกุเรชเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เมื่อการต่อต้านของพวกกุเรชยุติลงแล้ว และพวกเขาได้เข้ารับอิสลาม ชนเผ่าอื่นๆจึงทยอยกันเข้ารับนับถือศาสนาอิสลาม (*2*)
ในกรณีนี้ อัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้ประทานซูเราะฮ์ อันนัศร์ ลงมา ;
เมื่อความช่วยเหลือของอัลลอฮ์ และการพิชิตได้มาถึงแล้ว
และเจ้า(มุฮัมมัด)ได้เห็นประชาชนเข้ารับศาสนาของอัลลอฮ์กันเป็นหมู่ๆ
ดังนั้นจงแซ่ซ้องสดุดีด้วยการสรรเสริญพระเจ้าของเจ้า และจงขออภัยโทษต่อพระองค์เถิด แท้จริงพระองค์นั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษเสมอ
(อันนัศร์ 110 : 1-3)
สิ่งที่แสดงว่ามีผู้คนเข้ารับศาสนาอิสลามกันเป็นจำนวนมาก หลังจากที่ได้พิชิตมักกะฮ์แล้ว ในสงครามฮุนัยน์ ซึ่งเกิดขึ้นหลังการพิชิตมักกะฮ์ ได้มีนักรบเข้าร่วมในสงครามถึง 12,000 นาย (*3*)
เผ่าซะกีฟสรรหาผู้นำในการทำชิริก �การตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา�
ชนเผ่าซะกีฟ ซึ่งเป็นเผ่าใหญ่ของเผ่าฮะวาซิน พยามทำหน้าที่เป็นหัวหน้าขบวนการทำชิริก ปกป้องคุ้มครองการทำชิริก และสู้รบกับบรรดามุสลิมแทนเผ่ากุเรช ด้วยเหตุนี้หลังจากที่ได้พิชิตมักกะฮ์แล้วกองกำลังมุสลิมจึงมุ่งหน้าไปปราบปราม และได้สู้รบกันที่สมรภูมิ �ฮุนัยน์�
การปะทะกันครั้งแรกพวกฮะวาซิน มีทหารถึง 20,000 นาย พวกเขาจึงได้เปรียบในการต่อสู้ แต่การต่อสู้ในครั้งที่สองมุสลิมกลับเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ ทำให้เผ่าซะกีฟและเผ่าอื่น ๆ เช่น จากเผ่าฮะวาซินต้องพ่ายแพ้ไปด้วย มุสลิมจึงได้ทรัพย์เชลยมากมายจากสมรภูมิครั้งนั้น
การพ่ายแพ้ของพวกเผ่าซะกีฟในสมรภูมิ �ฮุนัยน์� ถือว่ายังไม่ยุติ ท่านเราะซูล ได้มุ่งหน้าไปยัง �ฏออิฟ� และใช้เวลาปิดล้อมพวกเขาไว้ระยะหนึ่ง ต่อมา ท่าน ได้เดินทางกลับมะดีนะฮ์ เมื่อเผ่าซะกีฟ เห็นว่าผู้คนที่อยู่บริเวณรอบๆได้เข้ารับอิสลามทั้งหมดแล้ว พวกเขาจึงเข้ารับอิสลามเหมือนกับคนอื่น ๆ พวกเขาได้เดินทางมายังเมืองมะดีนะฮ์ ในปีที่ 9 แห่งฮิจญ์เราะฮ์ศักราช เพื่อประกาศการเข้ารับอิสลาม (*4*)
เมื่อกลับไปดูแถลงการณ์ 13 ข้อของขบวนการฏอลิบานเมื่อยึดเมืองคาบูล
“ผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเอมิเรตส์อิสลามควรดำเนินชีวิตตามปกติโดยเฉพาะหน่วยงานราชการ (ด้านการศึกษา สุขภาพ สังคม และวัฒนธรรม) พวกท่านไม่ควรออกจากพื้นที่นี้คือประเทศของเขา พวกเขาควรดำเนินชีวิตตามปกติเพราะประชาชนและประเทศชาติต้องการบริหารและพัฒนาด้วยความสามาร ถ ของท่าน อัฟกานิสถานเป็นบ้านสำหรับทุกคน และเราจะช้วยกันและสร้างมันไป
พร่อมกัน จะไม่ยึดทรัพย์สินส่วนตัวของผู้ใด (ไม่ใช่รถยนต์ ที่ดิน บ้าน ตลาด และร้านค้า) แต่ถือว่าการปกป้องเงินและชีวิตของผู้คนเป็นความรับผิดชอบอย่างหนึ่งของเรา จะรับประกันในชีวิต ทรัพย์สิน และเกียรติยศ กำชับทหาร
หรือมูจาฮิดีนของตนจะไม่ให้เข้าไปในบ้านของใครโดยไม่ได้รับอนุญาต (โปรดดู https://al-ain.com/article/afghanistan-taliban-control-map)
#อะไรคือความท้าทายหลังจากนี้ภายใต้รัฐบาลใหม่
ความท้าทายหลังจากนี้สำหรับการบริหารประเทศภายใต้รัฐบาลใหม่มีสองปัจจัยที่จะทำให้รัฐบาลใหม่จะสามารถเดินต่อได้หรือไม่อย่างไร
หนึ่งภายในประเทศ บรรยากาศทางการเมืองภายในประเทศที่เต็มไปด้วยความหลากหลายของกลุ่มและการได้มาของรัฐบาลครั้งนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่า ผ่านด้วยการต่อสู้ทางอาวุธ ซึ่งฏอลีบานจะใช้สันติวิธี อย่างไรตามที่ประกาศแถลงการณ์(ในเชิงประจักษ์ไม่ใช่ทฤษฎีสวยหรู)โจทย์ใหญ่ คือการให้โอกาสในการมีส่วนร่วม ทางการเมือง ร่วมออกออกแบบประเทศใหม่ รวมทั้งจะต้องไม่บีบคั้น กดขี่ ข่มเหง ทำร้าย ใช้ความรุนแรงและสร้างความหวาดกลัว ให้ประชาชนที่เห็นต่างจากฏอลิบานหรืออาจจะเห็นต่างหลักกฎหมายอิสลามให้มีพื้นที่กลางปลอดภัยที่ได้ถกแถลงทางวิชากการอย่างมีอารยะอันอาจเป็นผลทางตรงและทางอ้อมต่อสันติภาพ อีกประการคือขุนศึกที่ร่วมรบจะรับประกันอย่างไรที่พวกเขาจะสามารถปฏิบัติตามเจตนารมณ์ในแถลงการณ์ เพราะในอดีตเชิงประจักษ์หลังขุนศึกมุญาฮิดีนชนะสหภาพโซเวียตกลับแบ่งสันปันส่วนอำนาจเพื่อตนเองและพวกพ้อง
สองปัจจัยภายนอกประเทศ
นโยบายของตะวันตกภายใต้การนำของอเมริกา รัสเซีย จีน อินเดีย ปากีสถาน อินเดียอิหร่าน โลกอาหรับ และขบวนการอิสลาม
ดังนั้นขอให้องค์กรภายนอกโดยเฉพาะมหาอำนาจเลิกแทรกแซงกิจการภายในประเทศอัฟกานิสถาน ด้วยความหวังดี “คำว่าสันติภาพ” ซึ่งตลอด 40 กว่าปีเป็นเวลามากพอแล้วที่ชาวโลกได้พิสูจน์ ปล่อยให้ชาวอัฟกานิสถานแม้จะหลากหลายกลุ่ม และแนวคิดได้ร่วมออกแบบอนาคตของเขาสักครั้ง
สิ่งสำคัญไม่แพ้กันคือการนำหลักการอิสลามมาใช้เป็นกฎหมายประเทศซึ่งผู้นำฏอลิบานยืนยันต่อหน้าสื่อหลายครั้งว่าเป็นหลักการอิสลามสายกลางที่ไม่เหมือนกับปกครองประเทศเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว
..........
1. อบู อุบัย: บทที่ว่าด้วยเรื่องของ �อัลอัมวาล� (ทรัพย์สิน) เล่ม 1 หน้า 202 ซีเราะฮฺอิบนิ ฮิชาม เล่ม 4 หน้า 32 ในซีเราะฮฺ มีข้อความว่า �พวกท่าน ทั้งหลายจงไปได้แล้ว พวกท่านเป็นผู้มีอิสระเสรี� และดูในตัครีจตุรุก �การระบุถึงสายรายงานฮะดีษและการตรวจสอบสายรายงาน� ที่มาของเรื่องนี้ ของมะฮฺดีย์ ร่อซะกั้ลลอฮฺ อัซซีเราะฮฺ อันนะบะวียะฮฺ หน้า 569 และได้กล่าวไว้หลังจากได้ระบุไว้ในรายงานต่าง ๆ แล้วว่า ฮะดีษนี้มีน้ำหนักเชื่อถือได้ด้วยสายสืบนี้
2.ดูจากซ่อฮีฮุลบุคอรีย์ : บทที่ว่าด้วยเรื่องสงคราม/ภาคพิชิตมักกะฮฺ ฮะดีษที่ 4302 ในหนังสือ อัลฟัตฮฺ อัรร็อบบานีย์ เล่ม 8 หน้า 22
3.
ซีเราะฮฺ อิบนิ ฮิชาม : ตารีค ค่อลีฟะฮฺ อิบนิ คอยยาฏ หน้า 88 ฏ่อบาก็อต อิบนิ ซะอ์ดิ เล่ม 2 หน้า 154 -155 และดู อัลอุมะรีย์ อัซซีเราะฮฺ อันนะบะวียะฮฺ อัซซอฮีฮะฮฺ เล่ม 2 หน้า 496.
4.สงคราม �ฮุนัยนฺ� และการปิดล้อมฏออิฟไว้ ดู อัลบุคอรีย์ อัลมะฆอซีย์ บทดำรัสของอัลลอฮฺซุบฮานะฮูวะตะอาลา ที่ว่า :
(( وَيَوْمَ حُنَيْن إِذْ أَعْجَبَتْكُمْ كَثْرَتكُم )) �และในวันแห่งสงคราม �ฮุนัยนฺ� ด้วยขณะที่การมีจำนวนมากของพวกเจ้าทำให้พวกเจ้าชะล่าใจ� หน้า 54 และบทสงคราม อัฏฏออิฟ หน้า 56 ซีเราะฮฺ อิบนุ ฮิชาม เล่ม 4หน้า 65,127 .
หมายเหตุผู้เขียนคัดลอกประวัติศาสตร์การพิชิตมักกะห์ใน
http://xn--www-dkla5b4ewgyc8b.islamore.com/
17 Apr 2025
17 Apr 2025
17 Apr 2025
17 Apr 2025
17 Apr 2025
17 Apr 2025
17 Apr 2025
17 Apr 2025
ข่าวสารสังคมนอกสื่อกระแสหลัก ข่าวสารความเคลื่อนไหว เกี่ยวกับเอ็นจีโอ ข่าวกิจกรรมเพื่อสังคม งานสัมนา สมัครงานเอ็นจีโอ ร้องเรียน แจ้งข่าว…ประนามประจาน !! ที่ได้รับความทุกข์ร้อนไม่เป็นธรรม