องค์การ อิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคภาคประชาชน ค้าน ชุด กม.เศรษฐกิจดิจิทัล เสนอ ครม.ทบทวน ชี้ขาดการคุ้มครองผู้บริโภค ปชช.ควรมีส่วนร่วมในการออกกฎหมาย

4775 02 May 2015

จากกรณีที่ครม.ได้เห็นชอบหลักการร่างกฎหมายเกี่ยวกับเศรษฐกิจดิจิทัล 10 ฉบับ โดยมีเนื้อหาบางส่วนที่กระทบต่อสิทธิของประชาชน วันนี้ คณะกรรมการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคภาคประชาชน จัดการแถลงข่าววิเคราะห์ชุดกฎหมายดังกล่าว ขาดมิติในการคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภค ซึ่งเป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการบังคับใช้ พร้อมเสนอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณากฎหมายอย่างรอบคอบ และให้ภาคประชาชนได้มีส่วนร่วมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของ หน่วยงานรัฐ สร้างหลักประกันให้แก่ผู้บริโภค และมีมาตรการเยียวยาความเสียหาย

 

นายจุมพล ชื่นจิตต์ศิริ รองประธานคณะกรรมการองค์การอิสระฯ กล่าวว่า ร่างพรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล มาตรา35 วรรค 3  ขาด มิติในการคุ้มครองผู้บริโภค เพราะให้อำนาจกับเจ้าหน้าที่มากเกินไปในการเข้าถึงข้อมูลของผู้บริโภค ควรมีการกำหนดกระบวนการป้องกันและสอบทานอย่างในการเข้าถึงข้อมูล

“ในกรณีที่ตรวจพบว่ามีความผิด ก็ควรกำหนดกระบวนการอย่างน้อย 2 ชั้น ในการเข้าถึงข้อมูล โดยผ่านศาลให้อนุญาตก่อน และที่น่าสนใจคือทำไมร่างกฎหมายฉบับนี้ถึงถูกนำมาใส่ไว้กฎหมายเศรษฐกิจ ดิจิตอลแทนที่จะใส่ไว้ในกฎหมายอาญาเกี่ยวกับเรื่องความผิดคอมพิวเตอร์” นายจุมพลกล่าว

ทาง ด้าน นส.ชลลดา บุญเกษม คณะกรรมการองค์การอิสระฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ชุดร่างกฎหมายเศรษฐกิจดิจิตัลนี้ มีเนื้อหาที่ลดความเสี่ยงของผู้ประกอบการมากกว่าผู้บริโภค มีเนื้อหาอธิบายความผิดไว้กว้าง ไม่ชัดเจนเพราะบอกว่า ให้อยู่ในดุลยพินิจของคณะกรรมการฯ

    “แม้ ว่าเราจะไม่ได้ทำผิด แต่ถ้าเกิดเราเป็นเพื่อนของผู้ทำผิด แล้วตามกฎหมายระบุไว้ว่าสามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด ได้ ก็แสดงว่าข้อมูลส่วนตัวของเราถูกละเมิดแล้ว โดยที่เราไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ” นส.ชลลดากล่าว

    นายรุจน์ โกมลบุตร คณะกรรมการองค์การอิสระฯ กล่าวเพิ่มเติมว่าอยากให้คณะรัฐมนตรีทบทวนร่างกฎหมายทั้งหมดนี้  และ ต้องอธิบายให้ชัดเจนในกรณีที่มีการลิดรอนของสิทธิผู้บริโภค นอกจากนี้ควรให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมในการออกเสียง เพราะคนที่ได้รับผลกระทบก็คือภาคประชาชน

“กฎหมาย นี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมระบบเศรษฐกิจ แต่ถ้าข้อมูลสามารถถูกตรวจสอบได้อย่างง่ายดายจากเจ้าหน้าที่รัฐฯ ก็จะส่งผลให้ผู้ประกอบการไม่มั่นใจในการมาลงทุน เพราะมีความกังวลในความปลอดภัยของข้อมูล ซึ่งไม่ได้เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจใดๆ เลย” นายรุจน์กล่าว

    ด้าน นส. บุญยืน ศิริธรรม คณะกรรมการองค์การอิสระฯ มองว่า การร่างกฎหมายดิจิตัลฉบับนี้ไม่ใช่การปฏิรูปประเทศ แต่เป็นการดึงอำนาจไว้ที่รัฐมากกว่า นอกจากนี้ถ้าเกิดกรณีมีนักธุรกิจเข้าไปมีส่วนร่วมในกระบวนการตรวจสอบข้อมูล ของรัฐ ก็อาจเกิดการล้วงข้อมูลของฝ่ายตรงข้ามได้

    “กฎหมายนี้เหมือนการถอยหลังเข้าคลอง รัฐฯ ควรหาทางให้ กสทช. มีอำนาจในกำกับควบคุมเทคโนโลยี ไม่ใช่ดึงอำนาจไว้ที่รัฐอย่างเดียว” นส.บุญยืนกล่าว

    คณะกรรมการฯ จึงมีข้อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ในฐานะผู้ทำหน้าที่พิจารณากฎหมายทั้งสิบฉบับ ดังนี้

1.       เนื่อง จากกฎหมายดิจิทัลดังกล่าวมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์จากข้อมูล ของผู้บริโภคทั้งโดยตรงและโดยอ้อม ซึ่งการนำข้อมูลของผู้บริโภคไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นการละเมิดสิทธิของผู้บริโภค ดังนั้น ในกระบวนการออกกฎหมายดังกล่าว ขอให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชน เพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภค

2.          ขอให้มีการระบุเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภคอย่างชัดเจน

3.       เพื่อ ให้เกิดการมีส่วนร่วม จากภาคประชาชนและคุ้มครองสิทธิผู้บริโภค ขอเสนอให้มีการเพิ่มตัวแทนของผู้บริโภคเป็นคณะกรรมการในร่างกฎหมายทุกฉบับ ด้วย

4.       เสนอ ให้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน ตามร่าง พรบ.ว่าด้วยการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ และมีบทลงโทษเจ้าหน้าที่ที่อาศัยอำนาจกฎหมายไปในทางมิชอบพร้อมทั้งมีมาตรการ เยียวยาความเสียหายแก่ผู้บริโภค

5.     ในร่าง พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ให้มีการกำกับดูแลครอบคลุมถึงบรรดา ผู้ที่ส่งข้อความโฆษณารบกวน หรือ  “สแปม” มาทาง SMS อีเมล์ หรือแม้กระทั่งสื่อสังคมออนไลน์อย่าง Facebook  ซึ่งสร้างความรำคาญและเป็นการละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของผู้บริโภค                

6.     ใน ส่วนการแก้ไขเรื่องอำนาจหน้าที่ของ กสทช. ตาม พรบ. องค์กรจัดสรรคลื่นฯ เห็นว่า กสทช.ซึ่งมีบทบาทหน้าที่ในการกำกับกิจการควรคงความเป็นอิสระ การแก้ไขปัญหาต่างๆ ของกสทช.ไม่ควรเอากลับเข้ามาอยู่ในกำกับของรัฐ แต่ควรแก้ไขด้วยการเพิ่มกลไกการตรวจสอบ การประเมินประสิทธิภาพการทำงานของคณะกรรมการ กสทช.ทุกชุด รวมทั้งการแก้ไขการถอดถอนให้ทำได้ง่ายมากขึ้นหากพบว่าการทำงานไม่มี ประสิทธิภาพและมีปัญหาเรื่องความโปร่งใส

 

ติดต่อประสานงาน นายโสภณ  หนูรัตน์  โทร. 080-5495884 , 02-2483737 ต่อ 121

Contact Information

  • : มูลนิธิกองทุนไทย Thai Fund Foundation 2044/23 ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ บางกะปิ ห้วยขวาง กรุงเทพ 10310
  • : webmaster@thaingo.org
  • : 082 178 3849
  • : www.thaingo.in.th

Thai NGO

ข่าวสารสังคมนอกสื่อกระแสหลัก ข่าวสารความเคลื่อนไหว เกี่ยวกับเอ็นจีโอ ข่าวกิจกรรมเพื่อสังคม งานสัมนา สมัครงานเอ็นจีโอ ร้องเรียน แจ้งข่าว…ประนามประจาน !! ที่ได้รับความทุกข์ร้อนไม่เป็นธรรม