มุสลิมกับสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองและทางออกประเทศไทย

996 26 Nov 2013

อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ) รายงาน กรรมการสภาประชาสังคมชายแดนใต้ อาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัยทักษิณ ผู้ช่วยผู้จัดการโรงเรียนจริยธรรมศึกษามูลนิธิ อ.จะนะ จ.สงขลา Shukur2004@chaiyo.com http://www.oknation.net/blog/shukur "มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิของอัลลอฮฺ (สุบหานะฮูวะตะอาลา) ผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลก ขอความจำเริญและสันติจงประสบแด่ศาสนฑูตมุฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีผู้อ่านทุกท่าน" จาการชุมนุมทางการเมืองหลายวันที่ผ่านมา จนถึง วันที่ 24 พ.ย. 2556 ทั้งจากกลุ่มต่างๆทั้งหนุนและต้านรํฐบาลพบว่ามีมุสลิมเข้าร่วมทุกกลุ่ม อันเนื่องมาจากอิสลามคือแนวทางการดำเนินชีวิต การเมืองก็เป็นส่วนหนึ่งของอิสลามและศาสนาอิสลามก็ได้วางหลักการไว้กว้าง ดร. ฏ็อบรอนี หรือวิสุทธิ บิลล่าเต๊ะในขณะที่ท่านสอนศาสนาที่มัสยิดกลางจังหวัดสงขลา ผู้เรียนศาสนาที่มัสยิดกลางจังหวัดสงขลา ดร. ฏ็อบรอนี หรือวิสุทธิ บิลล่าเต๊ะ ในฐานะผู้รู้ศาสนา และประธานศูนย์ประสานงานสำนักจุฬาราชมนตรีได้ตอบปัญหานี้ในขณะที่ท่านสอนที่มัสยิดกลางจังหวัดสงขลาไว้อย่างน่าฟังและมีหลักการมากและมุสลิมสามารถนำมาวิเคราะห์เพื่อหาทางออกกับประเทศไทยดังนี้ อันชีวิตมุสลิมนั้น ต้องทุมเทเพื่อการแสวงหาความพอพระทัยแห่งอัลลอฮฺเท่านั้น เมื่อจะทำอะไรสักอย่าง จึงต้องถามตนเองก่อนเสมอว่าที่จะทำนั้นเพื่อใคร หากคิดว่าทำเพื่ออัลลอฮฺแล้ว ก็ต้องถาม ต่ออีกว่าวิธีการที่ทำสอดคล้องกับข้อบัญญัติของอัลลอฮฺหรือไม่ ? หากทั้งเจตนาและวิธีการถูกต้องการกระทำทุกอย่างก็นำมาซึ่งกุศลผลบุญจากอัลลอฮฺได้ทั้งสิ้น แต่หากการกระทำนั้นเพื่อสนองข้อเรียกร้อง ของพรรคการเมืองมากกว่าคำนึงถึงความพอพระทัยแห่งอัลลอฮฺ ก็ต้องไปขอกุศลผลบุญจากพรรคการเมืองนั้นจะมาหวังผลบุญจากอัลลอฮฺหาได้ไม่ การหวังความดีหรือหวังให้เกิดสิ่งดี ๆ หรือหวังลบล้างความชั่ว แต่ฝากความหวังไว้กับคน ๆ หนึ่ง หรือพรรคการเมืองหนึ่ง ทั้งที่คน ๆ นั้น หรือพรรคการเมืองนั้น ไม่ได้มีศาสนธรรมเลย เป็นความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ที่ไม่มีวันเป็นจริงได้ และการทุ่มเทชีวิตเพื่อนักการเมืองหรือพรรคการเมืองที่ตนรัก กระทั่งยอมเหนื่อยยากตรากตรำทุกอย่างเพื่อตอบสนองต่อสิ่งนั้น เป็นความขาดทุนยิ่งกว่าสิ่งใด ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า มุสลิมทุกคนต้องสังกัดพรรคอัลลอฮฺเท่านั้น แล้ววันนี้คุณตอบข้อเรียกร้องหรือสนอง นโยบายแห่งพระองค์พอ ๆ กับที่พยายามสนองตัณหานักการเมืองหรือยัง? พะองค์ได้โองการความว่า “ ผู้ใดนำตนขึ้นตรงกับอัลลอฮฺ กับศาสนฑูตของพระองค์ และกับบรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย (ก็ให้ตระหนักเถิดว่า) พรรคแห่งอัลลอฮฺคือผู้ได้รับชัยชนะอันแท้จริง” สำหรับผู้เขียนมีทัศนะว่าเป้าหมายหรือธงของแต่ละกลุ่มดี บอกว่าทำดี เพื่อประชาชน อ้างประชาน แค่นั้นยังไม่พอวิธีการจะต้องดีด้วย สิ่งที่พบ มีการขนคนไปร่วมชุมนุมแม้ไม่ทั้งหมด บนเวทีมีแต่คำหยาบคาย พูดและข้อมูลของไม่ดีของฝ่ายตรงข้ามโดยไม่เคยพูดสิ่งที่ไม่ดีของตนเอง ใช่ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมืองแต่ต้องคิดถึงหน้าที่ที่จะให้ต่อผู้อื่นด้วย เพราะสิทธิคู่กับหน้าที่ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้เน้นการเปิดพื้นที่การพูดคุยในการแก้ปัญหาความขัดแย้งในประเทศไทยทุกภาคส่วนไม่ว่าจากผู้นำทุกศาสนิก นักการเมืองระดับชาติ ท้องถิ่น หน่วยงานความมั่นตง ไม่ว่าทหาร ตำรวจ หน่วยพัฒนาจากภาครัฐและเอกชน ตัวแทนฝ่ายปกครอง ตัวแทนกำนัน/ผู้ใหญ่บ้าน ตัวแทนผู้บริหารการศึกษาทั้งรัฐและเอกชน ประชาสังคม ตัวแทนสตรี และเยาวชน ผ่านฐานความรู้ทางวิชาการ กระบวนการสันติสนทนาเพื่อสร้างความเข้าใจหรือหาทางออกร่วมกัน โดย วิเคราะห์ภายในกลุ่มโดยมีวิทยากรกระบวนการและการเสริมสร้างประสบการณ์เชิงประจักษ์ในชุมชนต่างประเทศที่ประสบความสำเร็จในการแก้ความขัดแย้งทางการเมืองและร่วมออกแบบปฏิรูปประเทศไทย ในขณะเดียวกันให้ระบบรัฐสภาที่มาจากประชาชนเดินต่อให้ครบวาระโดยไม่ทำแท้งประเทศไทยก่อนน่าจะเป็นทางออกที่ลดการสูญเสียมากที่สุด ซึ่งแต่ละฝ่ายก็จะไม่ได้อะไรที่ตัวเองเรียกร้อง ร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก ส่วนเวทีการชุมนุมโดยสงบก็ปล่อยให้เดินภายใต้รัฐธรรมนูญ