990 21 May 2013
อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บิน ชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ) กรรมการสภาประชาสังคมชายแดนใต้ อาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัยทักษิณ ผู้ช่วยผู้จัดการโรงเรียนจริยธรรมศึกษามูลนิธิ อ.จะนะ จ.สงขลา ด้วยพระนามของอัลลอฮ.ผู้ทรงเมตตากรุณาเสมอ ขอความสันติสุขจงมีแด่ศาสนฑูตมูฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีแด่ผู้อ่านทุกท่าน เมื่อ 1 พค. ที่ผ่านมานายมูฮัมหมัดอัณวัร หะยีเต๊ะ หรืออันวาร์ เป็นหนึ่งนักเคลื่อนไหวภาคประชาสังคมด้วยสันติวิธี ตั้งแต่ปี2549 – ปัจจุบัน ได้ถูกศาลฎีกาตัดสินจำคุก 12 ปีได้สร้างความงุนงง และตกใจสำหรับคนทำงานด้านสันติธีทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่ กอร์บกับตัวอันวาร์เป็นบุคคลที่เป็นที่รู้จักกันว่าเขามีผลงานเชิงประจักษ์ ว่าที่ผ่านมานั้นเป็นคนที่ทำกิจกรรมอย่างสันติวิธีโดยเฉพาะกับเยาวชนในพื้นที่ซึ่งหลายครั้งได้รับงบสนับสนุนกิจกรรมทั้งจากภาครัฐและเอกชนหรือการระดมทุนจากคนในพื้นที่ แต่หลายครั้งอันวาร์ก็ได้มีส่วนร่วมรณรงค์ให้มีการยกเลิกกฎหมายพิเศษในพื้นที่อย่างสันติวิธีซึ่งยังผลให้คนในหน่วยความมั่นคงหลายคนไม่พอใจแต่กลับถูกใจจากนักสิทธิมนุษยชนทั้งในและต่างประเทศ สำหรับเหตุผลที่ศาลฎีกาตัดสินจำคุกเขาคือ เขาเป็นสมาชิก บีอาร์เอ็นโดยศาลมีหลักฐานหลัก คือคำซัดทอดจากการให้การของบุคคลสี่คน คนเหล่านี้คือมะตอเห สะอะ อับดุลเลาะ สาแม็ง สะตอปา ตือบิงหมะ และมะสุกรี สารอ ทั้งสี่คนยอมรับสารภาพกับเจ้าหน้าที่ว่ามีส่วนร่วมในการฆ่าตัดคอดาบตำรวจสัมพันธ์ อ้นยะลา ตำรวจยะรัง แม้ว่าคนที่ยิงและตัดคอดาบตำรวจนั้นจับไม่ได้และไม่ได้อยู่ในกลุ่มสี่คนนี้ก็ตาม จากเอกสารคำพิพากษาสรุปข้อมูลออกมาได้ว่า ทั้งหมดนี้เป็นผลจากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำคดีฆ่าดาบตำรวจ นำไปสู่การสอบสวนกลุ่มนักเรียนจากโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาสองแห่งคือประสานวิทยาหรือปอเนาะพงสตา กับโรงเรียนบุญบันดานหรือปอเนาะแนบาแด โดยตำรวจได้ตามรอยการใช้โทรศัพท์ของดาบตำรวจสัมพันธ์และพบว่ามีนักเรียนคนหนึ่งนำโทรศัพท์ไปใช้ และมีการติดต่อกับนักเรียนหลายคนของทั้งสองโรงเรียน ตร.จึงได้เข้าตรวจค้นและจับกุม แล้วนำตัวนักเรียนทั้งสี่บวกกับอีกหลายคนไปสอบปากคำ เป็นที่มาของการได้คำให้การต่างๆของคนทั้งสี่ที่ยอมรับว่าเป็นบีอาร์เอ็นซึ่งเป็นหลักฐานหลัก นอกจากนี้ยังมีคำให้การของนักเรียนอีกสามคนที่ดูเหมือนว่าจะเป็นหลักฐานประกอบ ซึ่งก็เป็นคำให้การที่ให้ไว้ทั้งในขั้นตอนการซักถามข้อมูลและขั้นตอนการใช้พรก.ฉุกเฉินเช่นกัน และพวกเขาก็ได้ไปให้ปากคำในชั้นศาลด้วย แต่คนกลุ่มหลังนี้ถือว่า “ไม่ใช่สมาชิกบีอาร์เอ็น” ในคำซัดทอดของกลุ่มคนสี่คนที่ยอมรับว่าเป็นสมาชิกบีอาร์เอ็นนั้นระบุว่า ในบรรดาคนที่ไปร่วมรับการอบรมมีอันวาร์และกลุ่มคนที่ถูกฟ้องพร้อมอันวาร์อยู่ด้วย ที่น่าสนใจคือ ในจำนวนคนทั้งสี่นี้มีเพียงคนเดียวเท่านั้น คือมะตอเหที่ได้ให้การในชั้นศาลเพิ่มเติม ส่วนที่เหลืออีกสามคนนั้นมีแต่คำให้การที่พวกเขาให้ไว้กับเจ้าหน้าที่ในขั้นตอนการซักถามตามพรก.ฉุกเฉินฯ กับคำให้การที่ให้ไว้กับตำรวจเท่านั้น ไม่มีการไปเบิกความในศาลเพราะพวกเขาหลบหนีเสียก่อน หนึ่งในสี่คนที่ว่านี้ คนหนึ่งคือมะสุกรี ระบุว่าเป็นเพื่อนร่วมห้องของอันวาร์ จากคำให้การของพวกเขาสี่คน เล่าถึงการได้ไปทำกิจกรรมรับการอบรมของบีอาร์เอ็นด้วยกัน และระบุด้วยว่าอันวาร์กับอัรฟาน จำเลยอีกรายหนึ่ง เคยกระทั่งเอามอเตอร์ไซค์ส่วนตัวไปใช้ในการทำกิจกรรมร่วมกัน และอันวาร์ยังมีการไปมาหาสู่กับสะตอปา ตือบิงหมะ หนึ่งในสี่คนที่หลบหนีไป ส่วนคำให้การของนักเรียนอีกสามคนจากปอเนาะแนบาแดที่ศาลบอกว่าไม่ใช่สมาชิกของบีอาร์เอ็นนั้น เป็นการ “ให้การเกี่ยวกับการเคลื่อนไหว” ของสมาชิกบีอาร์เอ็นในการวางแผนสังหารดาบตำรวจให้การไว้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ว่าในการเบิกความในชั้นศาล พวกเขากลับคำให้การ โดยบอกว่าไม่รู้เรื่องการวางแผนใดๆของสมาชิกบีอาร์เอ็นที่ไปก่อเหตุ แต่ศาลกลับเห็นว่า การกลับคำให้การของนักเรียนทั้งสามน่าจะเป็นเพราะต้องการช่วยเหลือจำเลย หรือไม่ก็เพราะหวาดกลัวมากกว่า และเชื่อว่าคำให้การในชั้นซักถามและชั้นสอบสวนของพวกเขานั้น “จริงยิ่งกว่าคำเบิกความ” พูดง่ายๆว่าที่เบิกความกับศาลนั้นศาลเห็นว่าเป็นเท็จ แต่ที่ให้การกับตำรวจศาลเห็นว่าเป็นของจริง เพราะว่าสอดคล้องกับการให้การของอีกสี่คนแรกที่ยอมรับว่าตัวเองเป็นสมาชิกบีอาร์เอ็น นี่คือส่วนหนึ่งของเหตุผลที่อันวาร์ต้องถูกจำคุกถึง12 ปี (โปรดดูรายละเอียดในhttp://www.deepsouthwatch.org/node/4231) จากผลของคดีนี้ทำให้เพื่อนๆอันวาร์เริ่มเคลื่อนไหวทางสันติวิธีให้มีการปล่อยตัวอันวาร์ทางสื่อออนไลน์ (https://www.facebook.com/saveanwar?group_id=0 )และจัดกิกรรมอื่นๆต่อมวลชนในพื้นที่ ซึ่งอาจจะมีผลต่กระบวนการพูดคุยสันติภาพระหว่างรัฐกับกลุ่มคนเห็นต่าง โดยเฉพาะบีอาร์เอ็น หรืออาจะส่งผลต่อความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นเพราะอจจะเป็นข้ออ้างให้เยาวชนหันหลังให้กับแนวทางสันติวิธีหรือการต่อสู้ทางกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ประเทศไทยอ้างว่ารัฐธรรมนูญของไทยเต็มใบ สำหรับผู้เขียนอยากจะเสนอแนะให้สื่อมวลชนทั้งในหรือนอกพื้นที่โดยเฉพาะการเสวนาทางวิชาการด้านกฎหมายกับทางออกในวิกฤติชายแดนใต้ ในกรณีอันวาร์โดยเฉพาะว่า พอมีทางออกอย่างไร ในคดีนี้ ที่จะไม่ไปสร้างปัญหาทางการเมืองระหว่างชายแดนใต้กับกรุงเทพในท่ามกลางบรรยากาศการเปิดพื้นที่พูดคุยเพื่อสันติภาพซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาอีกนาน แต่ไม่ให้ล่มเพราะเหตุปัจจัยคดีอันวาร์05 Nov 2024
09 Oct 2024
09 Oct 2024
20 Sep 2024
05 Nov 2024
05 Nov 2024
05 Nov 2024
05 Nov 2024
ข่าวสารสังคมนอกสื่อกระแสหลัก ข่าวสารความเคลื่อนไหว เกี่ยวกับเอ็นจีโอ ข่าวกิจกรรมเพื่อสังคม งานสัมนา สมัครงานเอ็นจีโอ ร้องเรียน แจ้งข่าว…ประนามประจาน !! ที่ได้รับความทุกข์ร้อนไม่เป็นธรรม