เผยหมดเปลือก ธชโย

1048 04 Jan 2013

บันทึกต้นเรื่อง อาตมา ได้รับไฟล์เสียงบทสัมภาษณ์ระหว่างพระและฆราวาสสามไฟล์จากเมืองไทยล่าสุดใน คืนนี้เอง (1 ต.ค.) พอได้เปิดฟัง ก็รู้สึกทั้งอึ้งทั้งน่าติดตาม ทั้งเห็นว่าน่าจะเป็นภัยอันตรายแก่ผู้รับรู้ข้อมูลเหล่านี้อย่างมาก ทั้งๆ ที่ไฟล์มีความยาวนานหลายชั่วโมงมาก แม้ตอนแรกจะง่วงและเพลียมากแต่พอได้ฟังแล้วก็นอนหลับไม่ลง ต้องติดตามฟังไป ฟังไปๆ ก็รู้สึกว่าจำเป็นต้องถอดเสียงออกมาเป็นตัวหนังสือเป็นหลักฐานไว้ แต่มาชั่งใจอยู่ว่าจะเผยแพร่ดีไหม เพราะจะเป็นอันตรายถึงที่สุดแม้ต่อชีวิตของคนที่รับทราบ แต่อาตมาวิเคราะห์กลับกันว่า หากเราทำให้คนรู้กันเยอะๆ รู้มากขึ้น แล้วพยายามพิสูจน์ความจริงให้ได้ จะทำให้คนกลุ่มนี้ปลอดภัยมากขึ้นมากกว่า เพราะไม่ใช่พูดคุยรู้กันไม่กี่คน แต่ อย่างไรก็ตามเพื่อป้องกันอันตราย และผลกระทบต่อบุคคลที่สนทนาและสัมภาษณ์กันอยู่นี้ จึงขอปกปิดชื่อผู้ให้ข้อมูล ซึ่งเคยเป็นผู้บริหารชั้นในของวัดแห่งหนึ่งที่พวกเขากำลังพูดถึงอยู่ และเขาคนนี้เคยใกล้ชิดกับเจ้าอาวาสเป็นอย่างยิ่ง จนรู้เห็นข้อมูลทั้งหมด หาก มีใครต้องการพิสูจน์ว่าเป็นการถอดเสียงออกมาจากไฟล์เสียงต้นฉบับจริงๆ ก็ยินดีให้ได้มาขอไฟล์เสียงนี้ไปฟัง แต่ต้องมีการติดต่อและแสดงตนอย่างเป็นกิจจะลักษณะก็ยินดีอย่างยิ่ง   ข้อมูล ต่อไปนี้ได้ปรับในส่วนของชื่อบุคคลเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย ของบุคคลต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ขอให้อ่านอย่างใช้วิจารณญาณ เพื่อการพิสูจน์ความจริงให้ประจักษ์ต่อไป จะ จริงเท็จประการใด นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ "คนใน" เองออกมาให้ข้อมูลทำนองนี้ (แต่ครั้งนี้ข้อมูลมันน่าอึ้งสุดๆ กว่าทุกครั้ง) หนทางเดียวที่เราจะช่วยกันเยียวยาแก้ไขปัญหาของวัดนี้ได้ คือ การเรียกร้องให้ออกมาเปิดเผยพิสูจน์ความจริงสักที การส่งสมุนลิ่วล้อออกมาก่อกวนหรือเบี่ยงเบนประเด็นไปในเรื่องอื่นๆ อย่างที่ผ่านๆ มา ไม่เคยแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ตรงจุดสักที ถึงเวลาต้องออกมาพิสูจน์ความจริงของบุคคลนี้อย่างเปิดเผยได้แล้ว .. ดร.M.. ได้ให้สัมภาษณ์ไว้พอแยกเป็นประเด็นๆ ดังนี้ ชีวิตปูมหลังเจ้าอาวาส ..นาย ช. เนี่ยตอนหลังแกก็มาบวช ตอนเรียนหนังสือนี้ แกเป็นคนจบสวนกุหลาบรุ่นเดียวกันเนี่ย ใครนะที่เป็นรมต.วิทย์ (ปลอดฯ) นั่นน่ะเพื่อนแกรุ่นเดียวกัน แกเรียนเกษตร แกมาสนใจธรรมะ ตอนนั้น ก็เพราะว่าอยากจะมีฤทธิ์ นาย ช.นี่ สมัยก่อนแกก็เป็นคนที่ไม่มีความอบอุ่นในชีวิตครอบครัวเลย พ่อแม่หย่าร้างกันตั้งแต่ปีแรกที่แกเกิด แล้วพ่อก็ไปทางแม่ก็ไปทาง ทั้งคู่แต่งงานใหม่ ก็เวียนไปบ้านนู้นบ้างบ้านนี้บ้าง เพราะฉะนั้น ความมั่นคงในชีวิต ความรักในชีวิตครอบครัวเนี่ยไม่รู้จัก เพราะฉะนั้นเป็นคนที่ค่อนข้างเป็น insecure นี่ แหล่ะจึงเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดความทะยานอยาก ความทะเยอทะยานอย่างไม่มีที่สิ้นสุด จะมีแอมบิชั่นอย่างเหลือล้นเลย เพราะว่าเป็นปมด้อยมาจาก ภาวะไม่มั่นคงมาตั้งแต่วัยเด็ก แล้วก็การมาศึกษาธรรมะเนี่ยก็ต้องการมาทดแทนไอ้ตรงเนี้ย สิ่งที่ตัวเองขาด แต่ว่าไอ้การที่ตัวเองไม่มีบ้าน ไม่มีครอบครัวอยู่ ต้องไปพักบ้านนู้นบ้านนี้ จึงทำให้เป็นคนที่แพ็คของเก่ง แล้วก็เนี้ยบมาก ในการแต่งตัว บุคลิกเนี่ยจะเป็นคนที่เซ้นซิทีฟ แล้วเวลาเจอคนเนี่ย จะมีสัญชาตญาณว่าจะทำยังไงให้เขารักเรา เป็นอันดับแรกเลย ในขณะที่คนอื่นจะไม่มี เด็กที่มาจากครอบครัวที่พ่อแม่อบอุ่น จะไม่มีความรู้สึกอันนี้ แต่แกจะมีไอ้เซ้นส์อันนี้ ตั้งแต่เด็ก แก เป็นคนช่างสังเกตจะพยายามจับจุดว่าคนนี้เขาชอบอะไรไม่ชอบอะไร มองเห็นในสิ่งที่คนอื่นเขามองไม่เห็น ก็เป็นพรสวรรค์อันนึงของ เด็กชาย ช แล้วชีวิตแกก็ลุ่มๆ ดอนๆ มาตลอด ตอน เรียนอยู่สวนกุหลาบก็แทบจะไม่มีสตางค์ แต่ว่าเป็นคนชอบอ่านหนังสือ ที่ที่ชอบอ่านมากที่สุดก็คือแผงหนังสือ แถวคลองถม แถวสนามหลวง แถวคลองหลอด แกก็เดินอ่านไปทั่วเลย อ่านหนังสือที่ชอบมากที่สุดก็เป็นหนังสือประวัติบุคคลสำคัญ แกอ่านแบบจับจิตจับใจเลย แล้วที่แกชอบมากที่สุดเลยคือ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ฮิตเลอร์เนี่ย ไม่มีอะไรมาเลย เติบโตมาจากศูนย์ จนได้เป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุด แกศึกษาประวัติของฮิตเลอร์นี่อย่างละเอียดมาก แล้วก็ประวัติของแม็คอาเธอร์ ประวัติของใครอีกหลายคน แล้วก็ สิ่งนี้เป็นพื้นฐานที่ทำให้แกมีเบสิคของฮิวแมนนิตี้อยู่ แล้วก็มีภาวะที่อยากจะเป็นผู้นำ แต่ว่ากลัวๆ กล้าๆ เป็น บุคลิกที่เป็นสองบุคลิกซ้อนกันอยู่ บุคลิกนึงก็คือกล้า อยากแสดงออก อีกบุคลิกนึงคือเงียบ สมถะสันโดษ อยากอยู่คนเดียว มีสองบุคลิกนี้ที่ซ้อนกันอยู่ในตัวเอง แล้วก็พอมีความคิดริเริ่มก็จะโลดแล่นเลย มีความคิดก็จะไปบรรเจอด ส่วนตอนที่ไม่เอาอะไร ก็จะถดถอย ถอยแบบสุดโต่งเลย คล้ายๆมีสองขั้ว งั้นตอนเรียนอยู่ก็ กลายเป็นผู้นำนักศึกษา เป็นประธานเชียร์ เป็นเชียร์ลีดเดอร์ และก็เป็นดาราเต้นรำเท้าไฟ สมัยก่อน ชอบเต้นรำ ชอบออกสังคม แล้วไปเดินในสนามหลวงก็เห็นคนเขาแสดงปาหี่ ก็จะเรียนรู้วิธีทริคต่างๆ เพราะเห็นอยู่บ่อย เพราะฉะนั้น เพื่อนฝูงในเกษตรเนี่ยเยอะมาก ชอบออกสังคม ไอ้ประสบการณ์ที่ตอนเป็นนักศึกษาเนี่ย ก็ได้เอามาใช้ตอนบวช เป็นเชียร์ลีดเดอร์เนี่ย นักศึกษาเป็นพันบนอัฒจรรย์เนี่ย ทำยังไงไม่ให้คุยกัน ทำยังไงถึงเงียบ แกก็คิดทริคต่างๆ เอามาใช้ วิธีการพูด การใช้คำพูด เคยเป็นผู้นำนักศึกษา ที่นำนักศึกษาเกษตร ต่อต้านอธิการบดี การผูกพันในรุ่นพี่รุ่นน้อง ก็อาศัยซีเนียริตี้ในเกษตรเนี่ย สร้างคอนแทค จากนั้นก็ได้ไปทำงานอยู่ปีนึง จบแล้วทำงานปีนึงก็มาบวช บวชก็บวชกลางพรรษา ประมาณเดือนสิงหา แล้วก็คิดที่จะไม่สึกหลังจากบวชแล้ว ตอน ที่เข้ามาที่วัดปากน้ำ มาเจอคุณยาย จ. ตอนอยู่ชั้นม.ศ.๔ต่อม.ศ.๕ ก็อ่านหนังสือเล่มนึงเจอว่ามีแม่ชีท่านนึงปัดระเบิดก็คิดจะมาเรียนวิชากับ แม่ชีคนนี้ แล้วก็มาศรัทธาคุณยาย จ. ยาย จ. นั้นก็เพิ่งเสียครูของแกคือคุณยาย ท. คุณยาย ท. นี่คือคนที่ชวนยาย จ. ออกมาบวช แล้วก็มาทำสมาธิ   เรื่องลึกๆ ภายในวัด ธ. ความเชื่อแบ่งความเชื่อในวงลูกศิษย์หลายชั้น ในวงชั้นนอกก็จะเป็นศีลสมาธิปัญญา ทำเอาบุญ ใน วงในเนี่ย เป็นวงที่เรียนวิชารบ วิชาปราบมาร พวกนี้ก็ถูกคัดเลือกเป็นพิเศษ แล้วก็ธรรมกลายเนี่ยคล้ายๆ บอกว่า คนที่รู้วิชารบที่ดีที่สุดก็คือคุณยาย จ. แล้วก็บอกว่าคุณยาย จ. เนี่ย เป็นหนึ่งไม่มีสอง แล้วเป็นคนที่รู้วิชาความลับของวิชานี้มากที่สุด ในบรรดาของลูกศิษย์หลวงพ่อวัดป.ทั้งหลาย แล้ววิชานี้ก็ถูกถ่ายทอดมาที่เจ้าอาวาสจนหมดสิ้น เรียนรู้ตลอด รู้หมดแล้ว ตอน สร้างวัด ก็ทำพิธีถวายข้าวพระทุกวันอาทิตย์ต้นเดือน เป็นวิธีการดึงคน เอาวันอาทิตย์ต้นเดือน เพราะเป็นวันที่คนยังมีเงินกระเป๋ายังหนาอยู่ เงินยังไม่ได้ใช้ เอาวันอาทิตย์เพราะว่าเป็นวันหยุด เอาวิธีการถวายข้าวพระเนี่ยมาเป็นวิธีการดูดคน เข้ามา ก็เป็นคล้ายมาร์เกตติ้งที่ได้ผลประโยชน์มากที่สุด งั้นแนวคิดก็ไม่ได้ยึดติดกับจารีต แกเอาผลประโยชน์นำหน้า ..คน ที่เข้าไปวัด ก็มีความศรัทธาเรื่องความสะอาด ระเบียบวินัย แล้วพระก็ยังหนุ่มอยู่ แล้วก็มีปณิธานชีวิต อนาคตแต่ละคนเนี่ยแจ่มใสหมด จะมาทุ่มเทให้พระศาสนา วัดอื่นไม่มี ก็มีความประทับใจ แล้วก็เรื่องเล่าเกี่ยวกับรายละเอียดต่างๆ เนี่ย ก็จะค่อยๆ ให้ ค่อยๆ แย้มทีละน้อยๆ ทำให้เราสนใจ จนกระทั่งมาเล่าให้เต็มรูปแบบ ว่าโลกนี้มาจากไหน จะเป็นยังไง เป็นการต่อสู้ของฝ่ายขาวฝ่ายดำ มันก็ทำให้รู้สึกว่าทั้งสากลจักรวาลนี้ มี่ที่นี่ที่เดียว เราเป็นคนที่ถูกเลือกแล้ว โดยธาตุธรรมฝ่ายขาว เราเป็นนักรบของพระพุทธเจ้า ของพระต้นธาตุ ทีนี้ตอนหลัง ธชโย ก็เป็นต้นธาตุซะเอง หลวงพ่อวัดป.เทศน์ปี 2497 ว่าพระต้นธาตุใช้อาตมาให้มาปราบมาร ถ้าปราบไม่สำเร็จนี่ ก็ขอตายที่วัดป.นี้ ผลก็คือท่านก็ปราบไม่หมด ท่านปราบไปได้ 60% อีก 40% ยังอยู่ ..อ้างเองพอมีเงินมากมีคนมากราบไหว้มาก ตอนหลังก็ เลยคล้ายว่าตนก็เป็นต้นธาตุซะเลย ท่านเชื่อว่าท่านมีมหาบุรุษลักษณะบางประการ .. คิดว่าตนเองเป็นคนสำคัญมาเกิด เพราะว่าหลวงพ่อวัดป.ทำงานไม่สำเร็จไง ปราบมารไม่สำเร็จไง พระต้นธาตุก็คุมทัพหลวงมาเอง ทัพหน้าไปทำงานไม่สำเร็จ ทัพหลวงก็เข้ามา วัด ธ. ในยุคหลังคุณยายเป็นอัลไซเมอร์ คุณ ยาย จ.เริ่มป่วยเป็นอัลไซเมอร์ เมื่อปี 2526 แล้วบุคลิกก็เริ่มเปลี่ยน สมัยก่อนท่านเป็นคนคัดหางเสืออย่างมากเลย บอกบุญมากไม่ได้ ลูกศิษย์ที่เป็นคอร์กรุ๊ป ก็อยากเป็นฝ่ายบุญธาตุปราบ ไปสู้กับพญามาร เป็นนักรบแห่งความสว่าง สมัยนั้นมันก็เข้ากับสถานการณ์โลกด้วยนะ เป็นช่วงสงครามเย็น มีการแบ่งค่ายซ้ายขวา ผมก็เป็นคนหนึ่งที่โหศรัทธาสุดโต่งเลยอ่ะ เชื่อมาก เพราะว่ามันอธิบายได้หมด ว่าทำไมมนุษย์แบ่งขั้วกัน ทำไมต้องมีค่ายของโลกเสรี ทำไมต้องมีคอมมิวนิสต์ด้วย แล้วก็เมืองไทยตอนนั้นก็สู้กับคอมมิวนิสต์ แล้วก็มีความรู้สึกว่านี่แหล่ะ เป็นที่ที่เรา... ..พอ คุณยายเป็นอัลไซเมอร์แล้ว ความสมถะสันโดษของวัดก็หมดไป ท่านก็ให้ผู้หญิงคนหนึ่ง เป็นบัณฑิตทางเภสัช มหิดล มาประกบคุณยาย จ. สอนให้พูดเป็นนกแก้วเลย "ทำบุญมากๆนะ ทำบุญให้ยายนะ ทำบุญแล้วจะไปเกิดในสวรรค์นะ ทำบุญ ทำบุญ ทำบุญ ทำบุญเพื่อยาย" แล้วก็พูดอย่างนี้กรอกหัวคุณยาย จ. ที่เคยเป็นอาจารย์ ก็กลายเป็นเครื่องมือของลูกศิษย์ ที่แต่เดิมเคยบอกว่าเราสมถะสันโดษ   ..ตอน หลังกลายเป็นเหมือนนกแก้ว คนทอดกฐินทีนึงก็เป็นร้อยล้านสมัยนั้น วัด ธ. ตั้งแต่มีมา ไม่เคยแถลงเลยว่ายอดบริจาคเท่าไหร่ อาทิตย์ต้นเดือนได้รับบริจาคเท่าไรก็ไม่แถลง ทอดผ้าป่ายอดเท่าไหร่ก็ไม่แถลง ก็หากแถลงแล้วคนเห็นว่าเยอะก็จะไม่ค่อยทำบุญ ... ทุกอย่างมาที่จุดเดียว เจ้าอาวาสต้องตัดสินใจหมด   องค์อวตารที่ว่าใหญ่กว่าพระพุทธเจ้า แต่ยังโกรธเกรี้ยวกราด และอยากได้เจ้าคุณ ธชโย เวลาโกรธนี่ จะโกรธรุนแรงมาก โกรธแล้วต้องทำลายของ ขว้าง ตอนนั้นมีครั้งหนึ่งโกรธ ฯบรมฯ .. ตอนที่ให้ขอตำแหน่งเจ้าคุณให้ ชั้นสามัญ ให้ ฯเลขาฯ ไปคุยกับสมเด็จวัดสามพระยา สมเด็จวัดสามพระยาก็บอกว่าไม่มีประเพณีที่ พระที่ไม่ได้เปรียญจะมาเป็นเจ้าคุณเนี่ยไม่มี อย่างน้อยต้องประโยค ๕ ซะก่อน เอางี้ดีกว่าขอให้เป็นพระครูฐานาของฉันไปก่อนปีนึง แล้วจากนั้นก็จะปรับฐานะเป็นเจ้าคุณ ธชโย ได้ยินก็โกรธใหญ่ "อะไรว่ะกูบอกให้เป็นเจ้าคุณจะให้กูเป็นพระครู" ไม่ยอมรับเป็นพระครู   ... แล้วเป็นเจ้าอาวาสองค์เดียวมั้งที่ไม่เคยไปประชุมพระสังฆาธิการเลย ส่งแต่พระลูกวัดไปประชุมตลอด ถือว่าพระวัดอื่นกระจอก เจ้าคณะจังหวัดกระจอก เจ้าคณะอำเภอกระจอก ดังนั้น วัดที่อยู่รอบวัด ธ.จึงมีแต่ไม่ชอบวัด ธ. ตอนหลังก็ใช้วิธีใหม่เอาเงินให้ เงินให้ก็ชอบทั้งนั้นล่ะ ทีนี้เงินมาก็มากันใหญ่ แถมผ้าไตรแถมอะไร เงินเนี่ยโอ้โหย เจ้าคณะจังหวัดก็เท่าไร ก็แสนนึง พระปลัดของจังหวัดก็แปดหมื่น เงี่ย เจ้าอาวาสก็สองหมื่น ระดับนู้นระดับนี้เขามีเสกลเสร็จเรียบร้อย เหมือนซื้อเสียงอ่ะ   ความสัมพันธ์กับนักการเมือง ธรรมกลายทักสินเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เป็นคอหอยลูกกระเดือกกัน .. คือธรรมกลายเองนี่ พยายามเข้าหาทักสินมาตั้งนานแล้ว แต่ว่าทักสินพยายามจะเลี่ยง ได้ยินข่าวที่ไม่ดีของวัดนี้เยอะ ... ตอนนั้น ธชโยก็ติดคดีอยู่เยอะแยะ ทักสินก็ถูกขอร้องให้ช่วย ทักสินนี่ไม่ใช่คนโง่เลยนะ ก็อยากจะลองดูกำลังวัดนี้ ตอนนั้น พ.ย.2548 ทักสินยังไม่โดนถล่ม .. ทนายก็ไปหาทักสินให้ท่านช่วย ทักสินก็บอกว่า ผมจะทำก็ต่อเมื่อ คุณไปหาคนเป็นแสนๆชื่อ เข้าชื่อกันแสนคน ภายในสิบวัน ทำได้ไหม ธรรม กลายทำได้ดับเบิ้ลให้ไปอีก สองแสนสามแสนเลย เป็นเอกสารกองโตภายในสิบวัน ทักสินก็บอกว่าอย่างนี้ใช้ได้แฮะ พอทักสินเห็นว่ากระดาษที่เต็มไปด้วยลายเซ็น ก็เลยเห็นว่านี่เป็นปิยมิตรที่ดี พอทักสินโดนสนทิตีธรรมกลายก็เอาม็อบมาช่วย เอาชมรมพุทธมาช่วย ทักสินก็เลยเห็นว่านี่คือมหามิตร เพราะงั้น พอทักสินเจอวิกฤติต่างๆ ธรรมกลายก็เข้ามาไม่ทิ้ง ธรรมกลายขณะนั้นก็เกลียดราชวงศ์ มีความเกลียดราชวงศ์อย่างมาก เพราะเชื่อว่าราชวงศ์นี่เป็นฝ่ายที่บ่อนทำลายทางเค้า เกลียดทั้งหมดเลยราชวงศ์จ. มีหลักฐานครับ อยู่ในคดีหนึ่งใน 50 คดีด้วยส่งฟ้องไปแล้ว แล้วหลุดออกมาแล้ว คดีหมิ่นเนี่ยมีหลักฐานชัดเจน อัยการคนที่ส่งฟ้อง ..อัยการสูงสุดว่ายังไงก็ไม่ยอมถอน ตอนหลังปรากฎว่าอัยการคนเนี้ยตาย หัวใจวาย ตายอย่างปริศนาอ่ะ ตายแล้วก็เผาศพอย่างรวดเร็ว แล้วทักสินก็ตั้งอัยการสูงสุดคนใหม่ ซึ่งงานแรกที่ทำก็คือถอดคดีออกทันที วันอาทิตย์ต้นเดือนกันยายน 2549 ธชโย ก็ประกาศ ชิตังเม เราชนะแล้ว ความพัวพันกับชนชั้นสูง .... ..ตอนนั้นปี 2542 หลังจากนั้นไม่นานก็มีเหตุการณ์ทางสื่อถล่มวัด ธ. เต็มไปหมด ทางวัดก็แอสซูมว่านี่แหล่ะเบื้องหลัง เพราะงั้นก็เลย มีบัตรสนเท่ห์ ออกโจมตีฯxxxฯ ไม่ใช่องค์เดียวตอนหลังด่าทั้งโคตรวงศ์ฯ แล้วฯเลขาฯxxxฯก็ไปแจ้งความ กับสันติบาล ก็บอกว่าเชื่อว่า วัดนี้เป็นคนกระจายแผ่นปลิวเช่นนี้ ตอนแรกสันติบาลก็ไม่เชื่อว่ามันจะเป็นไปได้ยังไง แต่ ว่าทุกแห่งที่ไอ้แผ่นปลิวพวกนี้กระจาย ก็มีคนของธรรมกลายอยู่ จนกระทั่งมีอยู่วันหนึ่ง สันติบาลที่แอลเอ ส่งหลักฐานมาว่า มีการแจกไอ้ใบปลิวพวกนี้ ในวัด ธ. ที่ลอสแองเจอลิส อย่างออกหน้าออกตา พวกนี้ก็เลยมาหาผม มาประชุมคุยกับผมอยู่หกชั่วโมง มีรองผู้กำกับ ผู้กำกับสันติบาล ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ปิดห้องคุยกันเลย มาสามครั้งแน่ะ ครั้งละ สามสี่่ชั่วโมงรวมแล้วสิบหกชั่วโมง อินเทอวิว หามูลเหตุต่างๆ ก็เล่าให้ฟัง ก็ทำบันทึกส่ง ก็คดีส่งฟ้องไง ขึ้นศาล   จุดแข็งจุดอ่อนของวัด ธ. วัดธ.เนี่ยจุดแข็งก็อยู่ที่เจ้าอาวาส จุดอ่อนก็อยู่ที่เจ้าอาวาส เพราะเจ้าอาวาสเป็นคนทำลายวัด เพราะท่านคิดว่าท่านเนี่ยเป็นคนที่ใครแตะไม่ได้แล้ว จัดธุดงค์ให้เดินบนดอกกุหลาบ เนี่ย ไอเดียใคร ไอเดียท่าน   ใน วัด ธ.เนี่ยไม่มีเบรค สมัยที่ผมอยู่เนี่ย ผมเป็นเบรค มีอะไรที่ไม่ดีเนี่ย ผมจะเข้าไปคุยกับเจ้าอาวาสตรงไปตรงมา แล้วก็บอกว่าอันนี้ผมไม่เห็นด้วย พูดตรงๆ ก็ฟังพอควร แต่โกรธไหม โกรธ   ท.ชีโวก็ไม่กล้า ไม่มีใครกล้า ท.ชีโวต้องรับหน้าเสื่อตลอด ท.ชีโวพูดกับผมว่า เอากิตติวุฑโฒ บวกกับ ยันตระ เท่ากับ หนึ่งธชโย   เกลียดกันมาก แต่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกัน ท.ชีโวตอนนี้ก็โดนธชโยบีบ ริดลอนอำนาจเกือบหมดแล้ว ตอนนี้ก็ไม่ได้มีอำนาจในการบริหารเท่าไหร่ เจ้า อาวาสจริงก็ไม่ได้ไว้ใจใครจริง แต่เดิมนี่มันไม่ได้มีความเป็นศักดินามาก พอมีศักดินาเกิดขึ้นมาก ทีนี้ไอ้ความเป็นเจ้ายศเจ้าอย่างเกิดขึ้น ทีนี้คนที่กล้าตัดสินใจ คนที่กล้าไปพูดอะไร ไม่มี มีน้อย ทุกคนจะเอาตัวรอดกันหมด กรณีเรื่องไอ้สตีฟจอบส์เนี่ย คนในวัดก็ไม่ได้เห็นด้วยกันเยอะนะ .. แต่เขาไม่กล้าพูด ผ่อง เป็นคนตรงมาก ลูกชายจบธรรมศาสตร์ เป็นประธานชมรมพุทธธรรมศาสตร์ บวชตอนหลังนี่ก็เป็นคนที่ธชโยหมั่นไส้ ก็ให้เป็นคนสอนธรรมะแทนอะไรแทน ตอนหลังลูกศิษย์ลูกหาเยอะขึ้นมา ก็เป็นที่หมั่นไส้ คนที่พยายามจะผลักดันออกก็คือเนี่ย สมชาย เห็น ว่าเป็นภัย สมชายก็ไปขอให้ธชโยเป็นแบ็คให้ ธชโยก็เห็นว่า ทางนี้รู้สึกว่ามันจะล้ำเส้น ฉะนั้นลูกชายของผ่องที่บวชตลอดชีวิตอยู่ก็ต้อง เลยสึกออกมาพร้อมกับพ่อ ผ่องตอนนั้นบวชอยู่ก็สึกมาด้วยกัน ปีเดียวกับที่ผมสึก สมชายเป็นคนที่มี competitveness สูง เห็นใครที่จะขึ้นมาเทียบรัศมีไม่ได้   ความประพฤติส่วนตั๊วส่วนตัว ของธชโย ท่านบอกว่า ท่านเองน่ะมีเงินมากกว่าวัด ห้าเท่า ตอนนั้นวัดมีเงินหมื่นล้าน แสดงว่าท่านนั้นมีเงินห้าหมื่นล้าน กระจายไว้อยู่ในชื่อของสีกาต่างๆ สีกาพวกนี้มีอำนาจมากเลยนะ ขนาด ที่พระคุยกันอยู่กับท่านเรื่องสำคัญ เรื่องนโยบายที่ต้องตัดสินใจ แบบคอขาดบาดตายนี่ ผู้หญิงคนนี้โทรมาท่านจะทิ้งวงประชุมออกไปทันที พวกนักธุรกิจ แม่บ้าน ส่วนใหญ่จะหน้าตาดีหมด   เพราะ ฉะนั้นวัดธ.เนี่ย ทำลายตัวมันเอง โดยเจ้าอาวาสเป็นคนทำลาย ถ้าเมื่อไรความขัดแย้งระหว่างเจ้าอาวาสกับรองเจ้าอาวาส ชัดเจนเมื่อไร เมื่อนั้น ก็ตีกัน สงครามกลางเมือง ชอบกินของที่ทำให้คึก!! ธชโยเป็นคนที่หยิบย่งมาก เป็นคนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ลักเชอรี่มาก ชอบความสำรวยและความสำอาง ทำตากี่ครั้งแล้วไม่รู้ ตอนที่ผมอยู่ก็ทำ แอบไปทำข้างนอก แต่ก่อนตาโปนไง ก็ไปทำใหม่ ให้ตามันยุบ ตอนที่ทำผิวเนี่ยนะ ท่าน ใช้สบู่ก้อนละห้าพัน ต้องไปสั่งจากฝรั่งเศสมา ชื่ออะไรไม่รู้ ดอกเตอร์อะไรไม่รู้ มีวิตามินอี วิตามินอะไรไม่รู้ พิเศษใช้สำหรับดาราฮอลีวู้ด แล้วก็เรื่องอาหาร ในวัดธ.มีครัวอยู่สองครัว ครัวหนึ่งทำให้กับทุกคนยกเว้นเจ้าอาวาส อีกครัวหนึ่งทำให้กับเจ้าอาวาสยกเว้นทุกคน งบ ประมาณครัวของท่านนี่ไม่รู้เท่าไหร่ ไม่รู้อะไรแพงมากเลย แล้วยาบำรุงเซ็กส์เนี่ยท่านชอบมากเลย เขากวางอ่อนอะไรพวกเนี้ย ที่กินแล้วคึกเนี่ย ชอบให้คนสั่งมาให้ เนี่ยชอบมากเลย หน้าตาจะต้องทำให้หน้าตึง อะไรพวกนี้ทำหมดทุกอัน ..   ยัง มีข้อมูลต่างๆ มากกว่านี้ แต่ด้วยข้อจำกัดหลายๆ เรื่อง คิดว่าคงเพียงพอให้เกิดความระมัดระวัง เกิดความเท่าทัน ต่อเล่ห์เหลี่ยมต่างๆ ของผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นพระระดับเจ้าอาวาส แต่ประพฤติตนดุจคนลวงโลก มันน่าอนาถใจได้ถึงเพียงนี้จริงหรือไม่??? ซึ่งน่าจะควรให้มีการพิสูจน์ความจริงกันอย่างจริงจังสักที ไม่ควรใช้อำนาจทางการเมืองเข้ามาตัดตอนกระบวนการยุติธรรมอย่างที่ผ่านๆ มา หากบริสุทธิ์จริงสังคมจะได้เข้าใจและช่วยเยียวยา หากทำผิดจริงก็สมควรจะต้องรับความผิดนั้น ทำความจริงให้ปรากฎเป็นบทเรียนทางปัญญาให้ผู้คน ผู้คนก็จะยอมรับและให้อภัยกันต่อไป ..ถึงเวลาให้สาวกของลัทธิธรรมกลายทั้งหลาย ได้ช่วยเป็นกัลยาณมิตรให้ท่านธชโยได้พิสูจน์ตนเองจริงๆ สักที อ่าน แล้ว อย่าลืมหายใจลึกๆ ยาวๆ แล้วแผ่เมตตาให้ทั้งตนเองและสรรพสัตว์ด้วย เพื่อฟื้นสภาพจิตใจที่ปลงสังเวชจาการได้อ่านและรับรู้เรื่องราวอันน่าใจ หายอย่างถึงที่สุดนี้!!!   (การสนทนาระหว่างพระและฆราวาสดังกล่าวข้างต้น เกิดขึ้น ณ วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๕) หมายเหตุ ทางเพจตัดสินใจลบย่อหน้าหนึ่งในหัวข้อ พัวพันกับชนชั้นสูง ที่เกี่ยวกับความสนิทสนมระหว่างเจ้าอาวาส กับสตรีที่เคยเป็นชนชั้นสูงมาก่อน ออกไป เพราะเป็นประเด็นที่เซนซิทีฟเกินไป

Contact Information

  • : มูลนิธิกองทุนไทย Thai Fund Foundation 2044/23 ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ บางกะปิ ห้วยขวาง กรุงเทพ 10310
  • : webmaster@thaingo.org
  • : 082 178 3849
  • : www.thaingo.in.th

Thai NGO

ข่าวสารสังคมนอกสื่อกระแสหลัก ข่าวสารความเคลื่อนไหว เกี่ยวกับเอ็นจีโอ ข่าวกิจกรรมเพื่อสังคม งานสัมนา สมัครงานเอ็นจีโอ ร้องเรียน แจ้งข่าว…ประนามประจาน !! ที่ได้รับความทุกข์ร้อนไม่เป็นธรรม