9039 03 Jan 2013
หากปราศจากความมืดมิดของยามค่ำคืนที่แผ่คลุม เราก็จะไม่เห็นคุณค่าของแสงแห่งรุ่งอรุณอันสดใส หากปราศจากเหตุการณ์อันย่ำแย่ เราก็จะไม่เจอผู้แก้เยี่ยงวีระบุรุษที่ซุกอยู่ หากว่าปราศจากความชั่วร้าย เราก็คงไม่รู้ความหมายของคำว่าความดี ดังนั้นเรื่องร้ายๆที่อัลลอฮฺส่งมาให้เรานั้น เพื่อเตือนสติเรา เพื่อทดสอบวิทยปัญญาและอีหม่านความศรัทธาของเรา ดังนั้นเมื่ออัลลอฮฺทรงทดสอบเราด้วยเรื่องร้ายๆที่ผ่านเข้ามาเราต้องพยายามหาสิ่งดีๆที่ซ่อนอยู่ในความโชคร้ายนั้นให้เจอ แล้วเธอจะเป็นบ่าวผู้ศรัทธาที่สูงส่ง วันพุธที่ 23 เดือน พฤษภาคม พ.ศ.2550 ดาวหาง ทำตามหน้าที่ของเธอเถอะที่รัก ช่วงนี้ไม่รู้ว่างานหนักอะไร แต่ที่รู้คือว่า….........เราไม่ควรบ่นเพราะว่า การบ่นนั้น อัลลอฮฺอาจจะไม่ทรงรับกิจการที่เราทำก็ได้ โปรดทรงอภัยโทษให้แก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด และโปรดชี้ทางนำและให้ฮีดายะแก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด แม้ว่าเธอจะเหนื่อยก็ต้องอดทน ชีวิตยังมีลมหายใจ พรุ่งนี้ดวงตะวันยังคงขึ้นสู่ฟากฟ้า จงมีความสุขกับงานที่ทำ จงทำงานอย่างมีความสุข เด็กก็คือเด็กผู้ไร้เดียงสา...แต่ละคนมีความเป็นตัวตนที่ต่างกัน เด็กดื้อเขาคือคนพิเศษที่อัลลอฮฺส่งมาทดสอบเรา เราต้องสอนเขาอย่างเข้าใจและอดทน เพราะนี่คือหน้าที่ของเราที่ต้องทำ หน้าที่คือสิ่งสำคัญที่อัลลอฮฺทรงมอบไว้ให้ ทุกคนต่างก็มีหน้าที่เป็นของตัวเอง ทำหน้าที่ของเธอให้ดีที่สุด ลองสังเกตดูสิว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่อัลลอฮฺสร้างมาต่างก็มีหน้าที่เฉพาะของตนด้วยกันทั้งนั้น(ไม่ใช่เธอคนเดียว) อย่างไส้เดือน...มีหน้าที่พรวนดินเพิ่มออกซิเจนในดิน ต้นไม้มีหน้าที่ฟอกอากาศให้มนุษย์ สัตว์ที่ฮาลาล(หรืออนุญาตให้กินได้) ก็เกิดมาเพื่อเป็นอาหารให้มนุษย์ ส่วนสัตว์ที่ไม่อนุญาตให้ทานนั้น เพื่อทดสอบว่าใครที่ทำตามข้อใช้และข้อห้ามของพระองค์บ้าง และที่น่านำมาเตือนใจเราๆได้ก็คือดวงดาว เพราะดวงดาวแต่ละดวงโคจรไปตามเส้นทางของตัวเอง ดวงดาวทำตามคำสั่งของอัลลอฮฺอย่างเคร่งครัดไม่หลุดออกนอกวงโคจร ทั้งๆที่มีกันอยู่นับล้านดวง ล่องลอยอยู่ในห้วงอวกาศ แต่ก็เคยจะไม่ชนกัน ดังที่มีอายัต กุรอ่านกล่าวเกี่ยวกับการโคจรของดวงดาวต่างๆไว้ดังต่อไปนี้ “ พระองค์ทรงให้กลางคืนคาบเกี่ยวเข้าไปในกลางวัน และทรงให้กลางวันคาบเกี่ยวเข้าไปในกลางคืน และทรงให้ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เป็นประโยชน์(แก่มนุษย์) ทุกสิ่งโคจรไปตามวาระที่ได้กำหนดไว้ นั่นคืออัลลอฮพระเจ้าของพวกเจ้า อำนาจการปกครองทั้งมวลเป็นสิทธิ์ของพระองค์ และสิ่งที่พวกเจ้าวอนขออื่นจากพระองค์นั้น พวกมันมิได้ครอบครองสิ่งใด แม้แต่เยื่อบางหุ้มเมล็ดอินทผลัม ” วันพฤหัสบดี ที่ 24 เดือน พฤษภาคม พ.ศ. 2550 งานสอนคืออีบาดะตฺของฉัน ท่านศาสนดากล่าวไว้ใน 24 ชั่วโมงของหนึ่งวัน ให้ทำงาน 8 ชั่วโมง ทำอีบาดัต 8 ชั่วโมง และพักผ่อนอีก 8 ชั่วโมง ใช่อยู่...เราทำงาน 8 ชั่วโมงต่อวัน เรานอนหลับพักผ่อนอีก 8 ชั่วโมงต่อวัน แล้วอีบาดัตละ เราครบหรือเปล่า8ชั่วโมงในหนึ่งวัน ละหมาดวันละ 5 เวลา เวลาละ5-10นาที รวมประมาณ50นาทีต่อวัน ยังไม่ถึง 1 ชั่วโมงด้วยซ้ำไป แสดงว่าเราขาดทุนแย่เลย ดังนั้นในการทำงานของเรา เราก็เนี๊ยต(ตั้งเจตนา)ว่านี่คืออีบาดัตของฉันเพื่ออัลลอฮฺ แล้วเราก็จะได้ทำทั้งงานและอีบาดัตในเวลาเดียวกัน ขอบคุณอัลลอฮฺที่ทรงให้ข้าพระองค์ได้ทำงานสอน(คน) ขอบคุณอัลลอฮฺที่ทรงมอบโอกาสแห่งการเผยแพร่ศาสนา โอกาสแห่งการทำความดีมาให้ (อัลฮัมดูลิลละ) แม้ว่าจะมีอาการเหนื่อยอยู่บ้าง ขี้เกียจอยู่บ้าง เราก็แค่มนุษย์ผู้อ่อนแอ มีหัวใจมีความรู้สึกเหนื่อยได้ท้อได้ แต่ตราบใดที่อีหม่านยังไม่เพียงพอ ถึงจะท้อแต่ก็ไม่หยุดแค่นี้ อินชาอัลลอฮฺเราจะเดินทางต่อไป ตามหาศรัทธาที่เหลือ วันอาทิตย์ ที่8 เดือน กรกฎาคม พ.ศ. 2550 “พระองค์ผู้ทรงสร้างกลางคืน และกลางวัน และดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ แต่ละหน่วยโคจรตามจักราศี ” 21:33 อำนาจอันยิ่งใหญ่นั้นเป็นของอัลลอฮฺ ผู้ทรงดูแลกิจการทั้งหลาย การดูแลคุ้มครองโลกเป็นหน้าที่ของอัลลอฮฺ การโคจรของดวงอาทิตย์และดวงดาวดวงเดือน ก็เป็นหน้าที่ของพระองค์ หน้าที่ของเราคือ... การเคารพอีบาดัต... การทำความดีบนหน้าแผ่นดิน... ทำตามข้อใช้และละข้อห้ามต่างๆ... เมื่อความทุกข์เข้ามาทักทาย นั่นหมายถึงให้เรารำลึกถึงอัลลอฮฺขอบคุณในความทุกข์ยากนั้น ที่ทำให้เราไม่ลืมพระองค์ ขอบคุณในความหิวโหยที่ทำให้เรายกมือขอดุอาร์จากพระองค์ ขอบคุณความร้อนระอุ ที่ทำให้เราเกลงกลัวต่อไฟนรกที่ลุกช่วงโชติ ขอบคุณพระองค์อัลลอฮฺที่ทรงมอบความอดทนซอบัร แก่ดวงใจของบ่าวผู้นี้ ให้สามารถยืนยัดสู้ต่อไปได้...จะได้ตามหาอีหม่านต่อไป ความเครียดที่อยู่บนใบหน้า ถึงเวลาก็จะหมดไป บางทีที่ผ่านมาเรายังอดทนไม่พอ ฉันแอบนึกในใจอยู่บ่อยๆว่า ช่วงนี้มีเรื่องวุ่นๆเข้ามามากมายเหลือเกิน ทำไม อัลลอฮฺทรงมอบเรื่องเครียดๆมาให้คิดหลายเรื่อง ฉันพยายามบอกตัวเองว่า เราจะทำอย่างไรให้ผ่านการทดสอบนี้ไปได้ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นความประสงค์ของพระองค์ เราจะอดทน...อดทน..ในสิ่งที่อัลลอฮฺทรงส่งมาทดสอบ ยอมรับในการลิขิตของอัลลอฮฺ(ที่ทรงลิขิตทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วก่อนเราจะเกิดซะอีก) เราจะผ่านมันไปด้วยพระนามของพระองค์ อัลฮัมดูลิลละขอบคุณที่พระองค์ทรงเปิดใจและให้ฮีดายะห์ เราจะผ่านพ้นปัญหาไปด้วยรอยยิ้มและศรัทธา วันจันทร์ ที่ 17 เดือน กันยายน พ.ศ. 2550 ทรัพย์สินเงินทองที่อัลลอฮฺทรงประทาน…..เพียงเพื่อทดสอบบ่าวของพระองค์ ยะยา บิน มะอาซ กล่าวว่า “ถ้าหากมนุษย์เกรงกลัวนรกมากเท่าๆกับที่เขากลัวความยากจนแล้ว เขาอาจได้เข้าสวรรค์” หลายคนใช้ชีวิตทั้งชีวิตแสวงหาความร่ำรวย เพราะเขาคิดว่าความรวยคือความสำเร็จแห่งชีวิตความร่ำรวยจะทำให้เขามีความสุข แล้วเราเคยเห็นคนรวยสักคนใช้ชีวิตอย่างมีความสุขจนถึงหลุมฝังศพบ้างไหม? ก็เปล่านิ! เปล่าเลย เพราะทุกคนอัลลอฮฺจะทดสอบด้วยบททดสอบที่ต่างกัน เพื่อคัดเลือกบ่าวของพระองค์สู่สวรรค์ แม้จะร่ำรวยมีเงินมีทองแต่อัลลอฮฺก็จะทรงทดสอบในเรื่องอื่นๆอีก ไม่ว่าจะเรื่องความรัก ความกลัว ความเจ็บปวด ความสูญเสีย ขึ้นอยู่กับว่า เมื่อเรามีความสุขแล้วเราจะทำอย่างไร? และเมื่อเราเจอความทุกข์แล้วเราจะเลือกทำอย่างไรบ้าง? จะพยายามที่จะผ่านพ้นไปด้วยอดทนและดุอาร์หรือเปล่า “แน่นอนเราจะทดสอบพวกเจ้า ด้วยสิ่งหนึ่งสิ่งใดจากความกลัว ความหิวโหย และด้วยความสูญเสีย (อย่างใดอย่างหนึ่ง) จากทรัพย์สมบัติ จากชีวิต และพืชผล และเจ้าจงแจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้อดทนเถิด” 2:155 วันอังคารที่ 16 เดือน ตุลาคม พ.ศ. 2550 อายัรกุรซี “ อัลลอฮฺนั้น ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่ถูกกราบไหว้โดยเที่ยงแท้นอกจากพระองค์เท่านั้น ผู้ทรงมีชีวิต ผู้ทรงบริหารกิจการทั้งหลายโดยที่การง่วงนอนและการนอนหลับใดๆจะไม่เอาพระองค์ สิ่งที่อยู่ในบรรดาชั้นฟ้า และสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินนั้นเป็นของพระองค์ ใครเล่าที่จะขอความช่วยเหลือให้แก่ผู้อื่น ณ ที่พระองค์ได้ นอกจากด้วยอนุมัติของพระองค์เท่านั้น พระองค์ทรงรู้สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าของพวกเขาและสิ่งที่อยู่เบื้องหลังของพวกเขาและพวกเขาจะไม่ล้อมสิ่งใดจากความรู้ของพระองค์ไว้ได้นอกจากสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์เท่านั้น เก้าอี้ของพระองค์นั้น กว้างขวางทั่วชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และการรักษามันทั้งสองก็ไม่เป็นภาระหนักแก่พระองค์ และพระองค์นั้นคือผู้ทรงสูงส่งผู้ทรงยิ่งใหญ่ ” 2:255 วันเสาร์ที่ 27 เดือน ตุลาคม พ.ศ. 2550 เทอมใหม่อีกเทอมแล้วนะ เข้าเทอมใหม่แล้ว หมุนเวียนอยู่อย่างนี้ เวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน ชีวิตเรารอคอยอะไรกันอยู่หรือนี่....... เรารอคอยวันกียามัต ทุกชีวิตบนโลกมนุษย์กำลังรอคอยวันกียามัต คนในกุโบร์ก็รอคอยวันกียามัต ญินก็รอคอย สัตว์ก็รอคอย มาลาอีกะก็รอคอย คอยวันที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะมาถึงแต่ก็จะมาอย่างแน่นอน “พวกเขามิได้คอยสิ่งใด นอกจากยามอวสานซึ่งมันจะมาหาพวกเขาอย่างกระทันหัน โดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว” 43 : 66 การงานของฉัน การงานแห่งดุนยากำลังจะเริ่มขึ้นใหม่ เปิดเทอมใหม่ก็ต้องเจอกับเรื่องใหม่ๆ ไม่รู้ว่าเราจะผ่านบททดสอบไปไหม แต่เราก็ต้องทำเพราะหน้าที่เราคือ “กระทำ” ส่วนความสำเร็จนั้นฝากไว้ที่อัลลอฮฺ จะสำเร็จหรือไม่ก็สุดแล้วแต่พระประสงค์ของพระองค์ เราแค่ทำแล้วฝากความหวัง ความสำเร็จไว้ที่พระองค์ เพราะนี่คืออีบาดัตของเรา งานสอนคืออีบาดัตของฉัน อุสาห์เรียนมาสูงๆถ้าไม่ถ่ายทอดความรู้สู่ดอกไม้เล็กๆเหล่านี้ แล้วเราจะเอาความรู้ไปกองไว้ที่ไหน ไม่มีสิ่งใดง่ายดาย ทุกอย่างต้องยากลำบากและเต็มไปด้วยอุปสรรค์เสมอ ไม่ว่าอุปสรรค์จะมากขนาดไหน ฉันก็จะทำเพื่ออัลลอฮฺ ก้าวสู่พรุ่งนี้ด้วยความมั่นใจ เดินเข้าไปหาบททดสอบที่คอยเราอยู่(โปรดทรงช่วยเหลือข้าพระองค์ด้วยเถิด) เพราะอัลลอฮฺคือผู้ทรงคุ้มครองที่ดีเลิศ ผู้ทรงช่วยเหลือที่ดีเยี่ยม ใครขาดทุน by อ.ฟาฏิมะ แวสะมะแอ พอดินอ่อนปั้นได้ เหตุไฉนไม่ปั้นแต่ง ปล่อยไว้จนแห้งแข็ง ดินเปลี่ยนแปลงกลายเป็นหิน เปรียบดั่งลูกของเรา ไม่ขัดเกลาปล่อยเขาชิน ทำผิดเป็นอาจินต์ จะติฉินกลัวเสียใจ แต่พอหวนมาปั้น ก้อนดินนั้นไม่ยอมคลาย สุดเศร้าแสนเสียดาย รู้เมื่อสายใครขาดทุน วันจันทร์ที่ 29 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2550 แล้ววันเปิดเทอมก็มาถึง กาลเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไป ดวงอาทิตย์ขึ้นทางไหน ก็ยังขึ้นอยู่ทางนั้น ดวงใจจะโคจรไปทางไหน จะโบยบินหรือล่องลอยผ่านความรู้สึกนับร้อยพัน ใจก็ยังคงเป็นใจดวงเดิมๆ โลกจะเปลี่ยน เวลาจะเปลี่ยน ความรู้สึกจะเปลี่ยน แต่ดูเหมือนหัวใจยังคง....เหมือนเดิม และดูเหมือนว่าหัวใจฉันยังไม่พร้อม กับเหตุการณ์และสถานการณ์รอบๆตัวที่กำลังหมุนไป หัวใจฉันยังไม่หมุนตาม (ใจยังไม่อยากให้เปิดเทอมเลย) ฉันก็อยากจะบังคับตัวเองให้พร้อมกับสิ่งที่กำลังวิ่งอยู่รอบๆตัว จะมีที่ไหนสักแห่งไหม ให้ฉันได้นอนหลับฝันดี จะมีที่ไหนนอนแล้วหลับฝันหวานลืมทุกอย่าง ที่เป็นความเครียด ความหวัง ห่วงใย ปรารถนา แห่งโลกดุนยาทั้งหลาย ฉันคงเหนื่อยกับการที่ตื่นขึ้นมา พร้อมๆกับเจอแต่... บทเรียน... ห้องเรียน... นักเรียน.... โรงเรียน... เขียนวันที่.....!!....?.....!....??.... แต่ฉันก็ยังไม่อยากตาย ยังคงอยากจะช่วยบำรุงอัล-อิสลาม ฉันยังใช้เวลาที่มีอยู่ยังไม่เต็มที่ ฉันยังใช้ความหนุ่มสาวยังไม่เต็มที่ ยังใช้ความรู้ที่มีอยู่ยังไม่เต็มที่ ยังใช้ความสามารถยังไม่เต็มพิกัดกับชีวิตเลย ก็หวังว่าชีวิตที่เหลืออยู่เราจะใช้ไห้คุ้มค่าที่สุด ฉันจะก้าวสู่พรุ่งนี้ด้วยศรัทธาที่มีอยู่ครึ่งเดียว อีกครึ่งจะเก็บเกี่ยวจากบททดสอบพรุ่งนี้ที่คอยอยู่ อินชาอัลลอฮฺฉันจะหามันให้เจอ วันอังคารที่ 30 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2550 ดวงดาวของอัลลอฮฺใกล้หมดแสงลงเต็มที ดวงดาวของอัลลอฮ์นั้นใกล้จะหมดแสงลงเต็มที แสงไฟแห่งดวงใจก็ใกล้จะมอดลงเเล้วเช่นกัน เมื่อฉันหันมองตัวเอง ฟังเสียงหัวใจตัวเองที่เต้นอ่อนล้า น่าสงสารเหลือเกินเหมือนนกที่กำลังปีกหัก เหมือนกระจกที่กำลังร้าวรอวันแตกกระจาย โอ้อัลลอฮฺข้าพระองค์เหนื่อยจังเลย โอ้อัลลอฮฺตอนนี้บ่าวของพระองค์เหนื่อยเหลือเกิน โปรดเพิ่มพละกำลัง ทั้งกำลังกายและกำลังใจให้บ่าวผู้นี้สามารถเดินต่อไปได้ด้วยเถิด.... ดวงดาวของอัลลอฮฺหมดแสงลงเมื่อไหร่ วันกียามัตก็ใกล้เข้ามาเมื่อนั้น เวลาแห่งการทำความดีก็ใกล้หมดลงแล้วเช่นกัน บางทีสิ่งที่อัลลอฮฺทรงทดสอบเรา อาจจะเป็นเพราะพระองค์ประสงค์จะให้เราเก็บเกี่ยวอามาลอีบาดัตให้เยอะๆก็เป็นได้ เพราะเวลาของโลกดุนยานี้คงเหลือไม่มากแล้ว เราต้องรีบทำความดีอย่างมัวรีรอ ถ้าเราไม่ทำความดีตอนนี้แล้วเราจะไปทำตอนไหน? วันพุธที่ 31 เดือน ตุลาคม พ.ศ. 2550 ขอสาบานด้วยกาลเวลา “ขอสาบานด้วยกาลเวลา แท้จริงมนุษย์นั้นอยู่ในการขาดทุน นอกจากบรรดาผู้ศรัทธาและทำอีบาดัรทั้งหลาย และตักเตือนซึ่งกันและกันในสิ่งที่เป็นสัจธรรม และตักเตือนกันและกันให้มีความอดทน” 103 : 1-3 24 ปี X 12 เดือน = 288 เดือน 288 เดือน X 30 วัน = 8,640 วัน 8,640 วัน X 24 ชั่วโมง = 207,360 ชั่วโมง 207,360 ชั่วโมง X 60 นาที = 12,441,600 นาที ฉันใช้ชีวิตที่ผ่านมา 12.4 ล้านนาทีแล้ว ฉันไม่รู้หรอกว่า เป็นการพักผ่อนกี่นาที เป็นอีบาดัตกี่นาที เป็นบาปกี่นาที และจะเป็นการรำลึกถึงอัลลอฮฺกี่นาที ต่อ....แต่นี้ไป ฉันจะพยายามที่จะใช้เวลาให้คุ้มค่ามากที่สุด เวลาที่ผ่านไปไม่อาจจะย้อนกลับได้ เพราะมนุษย์นั้นอยู่ภายใต้กาลเวลา ไม่มีผู้ใดสามารถควบคุมเวลาหรืออยู่เหนือกาลเวลาได้ นอกจากผู้ที่สร้างกาลเวลามาพระองค์เดียวเท่านั้นทรงนั่งบนบัลลังก์คอยบัญชาการโคจรของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาวต่างๆ และพระองค์ก็ทรงควบคุมเวลาเอาไว้ การที่มนุษย์อยู่ภายใต้กาลเวลานั้น นั่นแสดงว่ามนุษย์อยู่ภายใต้อำนาจของพระผู้เป็นเจ้าผู้สร้างเวลาแล้วมนุษย์ยังจะปฏิเสธอีกหรือว่า “พระเจ้าไม่มีจริง” “... แล้วทรงสถิตย์อยู่บนบัลลังก์และทรงให้ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เป็นประโยชน์ (แก่มนุษย์) ทุกสิ่งโคจรไปตามวาระที่ได้กำหนดไว้ ทรงบริหารกิจการ...”13 : 2 วันศุกร์ที่ 9 เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 เวลาแห่งการทำความดีใกล้จะสิ้นสุดลงแล้วก็ได้ บางทีเวลาแห่งการทำความดีอาจจะกำลังสิ้นสุดลง นี่คือการทดสอบอันหนักหน่วง หรือ บาลอ ถ้าเป็นบาลอก็ขอให้อัลลอฮฺนั้นยกคืนสู่ฟากฟ้าของพระองค์ด้วยเถิด ถ้าเป็นการทดสอบก็ขอให้ผ่านการทดสอบนั้นด้วยเถิด ฉันขออีหม่านอันหวานชื่น แต่นั่นคือต้องแลกกับการถูกทดสอบต่างๆนานา ฉันขอเป็นกลุ่มชนแนวหน้า* และฉันคงต้องแลกกับบททดสอบที่ทรหดอดทน... *กลุ่มชนแนวหน้า : ในโลกหน้าระหว่างรอการตัดสินพิพากษานานถึง70ปีของโลกอาคีเราะนั้นมนุษย์และญิลจะถูกแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกคือกลุ่มแนวหน้า คือบรรดาผู้ที่เขาใช้เวลาให้หมดไปกับการทำอีบาดัต และอยู่แต่ในมัสยิดเป็นส่วนใหญ่ เขาจะนอนบนเตียงที่นุ่ม มีนางฟ้าในตาสวยเหมือนไข่มุกเป็นสาวใช้ในมือถือจอกที่ทำด้วยทองคำ มาคอยปรนนิบัติเอาอาหารการกินมาให้ มีเนื้อนก ผลไม้ และเหล้าที่ไม่เมา กลุ่มที่สองคือกลุ่มทางขวา พวกเขาจะได้รับบันทึกด้วยมือขวา พวกเขาอยู่บนเตียงนอน ใต้ต้นไม้ที่มีผลดกตั้งแต่โคนต้นจรดปลายยอดจนมองลำต้นไม่เห็น และผลไม้นั้นไม่หมดตามฤดูกาล เนื่องจากในดุนยาพวกเขาขยันทำอีบาดัร ไม่ใช้ชีวิตไร้สาระ ไม่ฝ่าฝืนคำสั่งของอัลลอฮฺ ผู้คนสมัยก่อนอยู่ในกลุ่มทางขวาเยอะคนสมัยหลังๆได้อยู่ในกลุ่มทางขวาน้อย กลุ่มที่สามคือกลุ่มทางซ้าย คือผู้ที่ได้รับบันทึกด้วยมือซ้าย(มาลาอีกัตก็จะชี้ทางไปนรกให้เขา) กลุ่มทางซ้ายไม่มีเตียงนอนให้นอน ไม่มีอาหารให้กินนอกจากน้ำเดือด น้ำเลือด และน้ำหนอง อยู่ภายใต้อากาศที่ร้อนปกคลุมไปด้วยหมอกควันสีดำ แท้จริงกลุ่มด้านซ้ายแต่ก่อนพวกเขาชอบร้องรำทำเพลง ทำเรื่องไร้สาระในดุนยา และคนสมัยก่อนๆได้อยู่ในกลู่มด้านซ้ายน้อยคนสมัยหลังๆได้อยู่กลุ่มด้านซ้ายเยอะ .....(จากซูเราะห์อัลวากีอะ) วันอาทิตย์ที่11 เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 ดาวหาง มัสยิดจะถูกสร้างอย่างสวยหรู ก่อนวันกียามัตจะมา เห็นภาพมัสยิดสวยๆที่ไร ก็อดคิดถึงวันกียามัตไม่ได้ เพราะท่านศาสดาบอกว่า ยุคหลังของดุนยา มนุษย์จะประดับประดามัสยิดอย่างสวยหรู และสร้างอย่างอลังการใหญ่โต บางมัสยิดสร้างไว้ซะใหญ่โตแต่ไม่มีผู้คนไปละหมาด แล้วมนุษย์จะขอเงินบริจาคทานนับล้านไปสร้างมัสยิดเพื่ออะไรกัน ทุกครั้งที่มีการสูญุดลงบนหินอ่อนในมัสยิด ผู้ที่บริจาคทานสร้างมัสยิดนั้นก็จะได้รับผลบุญร่วมกับผู้ที่สูญุดนั้นด้วย ทุกครั้งที่น้ำไหลผ่านชำระร่างกาย ผู้ที่ทำน้ำละหมาด ผลบุญนั้นจะได้กับผู้ที่บริจาคทานในการจ่ายค่าน้ำให้มัสยิดด้วย การบริจาคทานคือผลบุญที่ได้ไม่มีที่สิ้นสุด แม้ว่าผู้บริจาคทานจะจบชีวิตลงแล้วก็ตาม เขาก็ยังจะได้ผลบุญนั้นต่อไปอีก ผลบุญนั้นไม่ได้จบสิ้นลงแต่อย่างใด แต่ทุกอย่างที่กล่าวมาจะมีความหมายอะไร หากไม่มีใครเข้าไปละหมาดในมัสยิดนั้นเลย..... วันพฤหัสบดี ที่ 15 เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 ไม่ว่าดวงอาทิตย์จะโคจรไปกี่รอบใน 1 ปี ดวงอาทิตย์ก็ยังเป็นดวงอาทิตย์ ยังคงขึ้นทางทิศตะวันออก และตกทางทิศตะวันตก และ นรกก็ยังคงเป็นนรก สวรรค์ก็ยังคงเป็นสวรรค์และทั้งสองนั้นได้ถูกสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว แค่รอจนกว่าวันกียามัตจะมาถึง • ความยากจน สอนให้เราอดทนและยำเกรง • ความหิวโหย สอนให้เรามีเมตตาเห็นอกเห็นใจคนยากคนจน • ความเหน็ดเหนื่อย สอนให้เรารู้ว่าพละกำลัง อัลลอฮฺผู้ทรงให้และถอดถอน • ความเจ็บป่วย สอนให้เรายอมจำนนท์ต่ออำนาจของอัลลอฮฺ • ความร่ำรวยของผู้อื่น ทดสอบความริษยาในใจของเรา • ความทุกข์ใจ ที่ถูกส่งมาจะทำให้ความสุขมีค่ายามเมื่อความทุกข์ผ่านพ้นไป วันจันทร์ที่ 26 เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. 255005 Nov 2024
09 Oct 2024
09 Oct 2024
20 Sep 2024
05 Nov 2024
05 Nov 2024
05 Nov 2024
05 Nov 2024
ข่าวสารสังคมนอกสื่อกระแสหลัก ข่าวสารความเคลื่อนไหว เกี่ยวกับเอ็นจีโอ ข่าวกิจกรรมเพื่อสังคม งานสัมนา สมัครงานเอ็นจีโอ ร้องเรียน แจ้งข่าว…ประนามประจาน !! ที่ได้รับความทุกข์ร้อนไม่เป็นธรรม