ถอดบทเรียนเวทีเสวนา “เราจะอยู่ร่วมกันไม่ได้เชียวหรือ.... ทำอย่างไรเราจะยอมรับตนเองที่ยอมรับความแตกต่างได้เพื่อดับไฟการเมือง สู่การดับไฟใต้ตามวิถีประชาธิปไตย”

1063 17 Dec 2012

เรียบเรียงโดย อับดุลสุโก ดินอะ กรรมการสภาประชาสังคมชายแดนใต้ ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตาปรานีเสมอ ขอความสันติและความจำเริญแด่ศาสฑูตมุฮัมมัดและผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีผู้ชมทุกท่าน วันที่ 8-9 ธันวาคม 2555 สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมมือกับโครงการสะพานเสริมสร้างประชาธิปไตย (SAPAN) และ USAID ได้จัดโครงการเวทีสันติประชาธิปไตย ระดับ 4หวัดชายแดนภาคใต้คือ สงขลา ปัตตานี ยะลาและนราธิวาส ในหัวข้อ “เราจะอยู่ร่วมกันไม่ได้เชียวหรือ.... ทำอย่างไรเราจะยอมรับตนเองที่ยอมรับความแตกต่างได้เพื่อดับไฟการเมือง สู่การดับไฟใต้ตามวิถีประชาธิปไตย” ณ ห้องนราทัศน์๑ โรงแรมอิมพีเรียล อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส การจัดเวทีครั้งนี้ผู้เขียนในฐานะกรรมการสภาประชาสังคมชายแดนใต้ ได้เข้าร่วมประชุมร่วมกับตัวแทนแกนนำจากทุกภาคส่วนจำนวน 60 คน ซึ่งผลการประชุมสามารถถอดบทเรียนการเสวนาดังนี้ 1. ศาสนาไม่ใช่ปัจจัยหลักของความขัดแย้งในจังหวัดชายแดนภาคใต้เพราะคนมุสลิม พุทธ คริสเตียนหรือเชื้อสายมลายู ไทย จีน อยู่กันได้มายาวนานดั่งเวทีประชาสังคมที่ประชุมในวันนี้ ส่วนผู้ก่อเหตุจะนำประเด็นศาสนามาเพิ่มปัญหาความรุนแรงอันเนื่องมาจากความอยุติธรรมด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ส่วนคำถามที่ว่า เราจะอยู่ร่วมกันไม่ได้เชียวหรือ.... ทำอย่างไรเราจะยอมรับตนเองที่ยอมรับความแตกต่างได้เพื่อดับไฟการเมือง สู่การดับไฟใต้ตามวิถีประชาธิปไตย นั้นไม่ใช่ถามภาคประชาชนแต่ควรถามคนของรัฐมากกว่า 2. การจะลดความขัดแย้งและจะทำให้อยู่ร่วมกันได้ นั้นมีปัจจัยในประเด็นต่างๆดังนี้ 2.1 การศึกษาเพื่อความเป็นพลเมือง 2.2 ความยุติธรรม ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และสิทธิมนุษยชน 2.3 การกระจายอำนาจตามกระบวนการประชาธิปไตยอย่างแท้จริง 2.4 เศรษฐกิจและการจัดสรรทรัพยากรธรรมชาติ 2.5 การต่างประเทศ/อาเซียน 2.6 รัฐธรรมนูญ ซึ่งแต่ละประเด็นปัจจัยดังกล่าวได้ใช้กระบวนการกลุ่มศึกษาอดบทเรียน ความผิดพลาดในอดีต ภาพอนาคตที่ทีอยากให้เป็น และแต่ละคนหรือ องค์กรสามารถขับเคลื่อนได้เลยภายใต้กฎหมาย พระราชบัญญัติ ความพร้อมของผู้นำหรือชุมชน สำหรับภาพอนาคตที่ผู้เข้าร่วมประชุมอยากให้เป็นและร่วม ผลักดันในประเด็นต่างๆดังนี้ ประเด็น การศึกษาเพื่อความเป็นพลเมือง · โครงสร้างการบริหารการศึกษาต้องเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบจากแนวดิ่งให้เป็นแนวราบ · สร้างจิตสำนึกความเป็นพลเมืองในเรื่องการจัดการศึกษา · จัดการศึกษาที่สอดคล้องกับวิถีชีวิต บริบทพื้นที่มลายูมุสลิม (ศาสนา ภาษา วัฒนธรรม)พร้อมไม่ทอดทิ้งความแตกต่างที่ไม่ใช่มลายูมุสลิม · จัดการศึกษาเพื่อความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ (ไม่ใช่จัดการศึกษาเพื่อความเป็นเลิศด้านวิชาการอย่างเดียว) · ใช้มัสยิดเป็นสถานการศึกษา โดยเฉพาะวันศุกร์ ศูนย์กลางของการศึกษาใช้กรรมการมัสยิด ๑๕คน บูรณาการกับคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด · หนุนเสริมภาคประชาชนในการจัดการศึกษาเพื่อความเป็นพลเมืองที่ตระหนักในหน้าที่ เน้นการเรียนต้องรู้ประวัติศาสตร์อย่างลึกซึ้ง ไม่ได้เรียนประวัติศาสตร์แบบท่องจำพร้อมทั้งการร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยในท้องถิ่น และความร่วมมือระหว่างมัสยิดเป็นที่เรียนรู้ ประวัติศาสตร์และอัตลักษณ์ของตนเอง ประเด็น ความยุติธรรมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และสิทธิมนุษยชน · ยกเลิกพรก.และกฎอัยการศึก ซึ่งขัดกับสิทธิมนุษยชนมายาวนาน 9 ปี · เริ่มที่ ประชาชนไม่ใช่ทหาร · กระจายอำนาจให้ชาวบ้านเข้าใจ (ไม่ใช่แค่ตัวแทน)สิทธิของตัวเอง · การพูดคุยเรื่องกฎหมาย การปกครอง ที่เรียกร้องเรื่องการกระจายอำนาจ คัดเลือกข้าราชการดีเข้ามาทำงานในพื้นที่ ที่ยังไม่สามารถทำได้ · กฎหมายแพ่ง พาณิชย์ อาญา วิถีชีวิตวัฒนธรรมที่แตกต่าง · ฟื้นฟูโต๊ะครูและผู้นำตามธรรมชาติอื่นๆ · เยียวยาอย่างยุติธรรม/จัดเสวนาเรื่องกฎหมายโดยเฉพาะ · นิรโทษกรรมชาวบ้านที่ต้องคดีปีพ.ศ.๒๕๔๗ เพื่อแสดงความจริงใจ ด้วยการถวายฎีกา ประเด็น การกระจายอำนาจและความมั่นคง · จัดตั้ง รวมกลุ่ม เครือข่ายภาคประชาชนให้เข้มแข้ง เกิดอำนาจต่อรอง · มีการสื่อสารระหว่างคนท้องถิ่นกับภายนอก (รัฐธรรมนูญ ประชาชน นิติบัญญัติ ความมั่นคง การต่างประเทศ) · สร้างองค์กร กลไก ช่วยขับเคลื่อน การกระจายอำนาจ ประเด็นด้านภาษาวัฒธรรม การศึกษาหลักสูตร ความยุติธรรม กฎหมาย การปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม งบประมาณ ภาษี๗๐% :๓๐% · ท้องถิ่นจัดการตัวเอง · สร้างความตระหนักถึงสิทธิอำนาจให้คนในท้องถิ่น ภาพอนาคตที่เป็นไปได้ถ้ากระจายอำนาจ · เศรษฐกิจในพื้นที่ดีขึ้น ภาษี การจัดการรายได้ บริหารทรัพยากรของตนเอง อย่างเหมาะสม · การปกครองท้องถิ่น จัดการปัญหาตนเองได้ · การกระจายอำนาจต้องเกิดขึ้น สร้างความมั่นคงในรัฐ+ชีวิตของคน เกิดความสงบ · ประชาชนมีสิทธิ มีอำนาจเพิ่มขึ้น กลไกรัฐเป็นระบบ ประเด็น เศรษฐกิจ ทรัพยากร การต่างประเทศ · ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพจำหน่ายใน๑๐ประเทศอาเซียน · เตรียมคนด้านภาษา เรียนรู้วัฒนธรรม รู้จักอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ · การเปิดด่านและบริการที่สะดวก รวดเร็ว · สร้างความพร้อม Kuasa หมายถึง ความรู้ ความเข้าใจ ทัศนคติ ทักษะและ ปฏิบัติอย่างมืออาชีพ (K=Knowledge U=Understanding A=Attitude S=skill A=Action) ประเด็น รัฐธรรมนูญ · เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ไม่ได้อยู่ในกลุ่มคนใดกลุ่มหนึ่ง · ข้าราชการต้องรับใช้ประชาชนไม่ใช่เป็นนายของประชาชน · แยกอำนาจนิติบัญญัติจากอำนาจบริหารอย่างชัดเจน · กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น โดยให้ประชาชนมีสิทธิในการเลือกผู้บริหารท้องถิ่นโดยตรง ช่วงท้ายตัวแทนในที่ประชุมได้สรุปว่า “การรวมกลุ่มกันคือพลังของสังคม เรายังมีความหวัง เราจะอยู่ร่วมกันได้ท่ามกลางความแตกต่างทางความคิด เพื่อส่งเสริมประชาธิปไตยโดย” หมายเหตุ 1. ขอบใจนางสาว ชุกรียะห์ บาเหะ เจ้าหน้าที่การจัดประชุม ซึ่งช่วยพิมพ์ข้อมูลการประชุมให้ 2. ภาพประกอบการประชุม ผู้เข้าร่วมประชุมถ่ายภาพที่ระลึกร่วม https://www.facebook.com/photo.php?fbid=488835904501297&set=t.1245604111&type=3&theater https://www.facebook.com/peacefulanddemocratic?fref=ts

Contact Information

  • : มูลนิธิกองทุนไทย Thai Fund Foundation 2044/23 ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ บางกะปิ ห้วยขวาง กรุงเทพ 10310
  • : webmaster@thaingo.org
  • : 082 178 3849
  • : www.thaingo.in.th

Thai NGO

ข่าวสารสังคมนอกสื่อกระแสหลัก ข่าวสารความเคลื่อนไหว เกี่ยวกับเอ็นจีโอ ข่าวกิจกรรมเพื่อสังคม งานสัมนา สมัครงานเอ็นจีโอ ร้องเรียน แจ้งข่าว…ประนามประจาน !! ที่ได้รับความทุกข์ร้อนไม่เป็นธรรม