ศูนย์ข้อมูลสิทธิฯ อีสานเผยเอกชนยื่นขอสัมปทานเหมืองโปแตชกาฬสินธุ์ 2 แสนไร่ ด้านเวทีอีเอชไอเอ เหมืองทองเลยล่มเป็นครั้งที่ 5

1066 23 Nov 2012

ชื่อชุมชนที่ได้รับผลกระทบ: อุดรธานี ... ท่ามกลางการคัดค้านเหมืองแร่ในภาคอีสานยังคุกรุ่น แต่ทว่าเอกชนยังยื่นขอสัมปทานแหล่งแร่โปแตช อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดศูนย์ข้อมูลสิทธิฯ อีสาน เปิดเผยว่าที่จ.กาฬสินธุ์ มีการยื่นขออาชญาบัตรพิเศษเพื่อสำรวจ จำนวน 2 แสนไร่ ขณะที่เวทีพับลิค สโคปปิ้งเหมืองทอง จ.เลย ชาวบ้านและภาคประชาสังคมคัดค้านอย่างหนักจนต้องล่มเป็นครั้งที่ 5... เมื่อวันที่ 22 พ.ย.55 เวลาประมาณ 15.00 น. นายสุวิทย์ กุหลาบวงษ์ ผู้ประสานงานศูนย์ข้อมูลสิทธิมนุษยชนและสันติภาพ (ศสส.) อีสาน ซึ่งได้ติดตามข้อมูลนโยบายการทำเหมืองแร่และโครงการพัฒนาที่จะส่งผลกระทบต่อชุมชนท้องถิ่น ตลอดจนปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในพื้นที่ภาคอีสานมาอย่างต่อเนื่อง ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าขณะนี้กำลังมีการยื่นขออาชญาบัตรพิเศษสำรวจ ประเมินศักยภาพแหล่งแร่โปแตช เพื่อทำการผลิตในพื้นที่จ.กาฬสินธุ์ จำนวน 12 แปลง รวมเนื้อที่ประมาณ 2 แสนไร่ ทั้งนี้ บริษัท แปซิฟิก มิลเดอรัล จำกัด ยื่นขออาชญาบัตรพิเศษครอบคลุม 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง ในตำบลโพนทอง, ตำบลเหนือ, ตำบลม่วงนา, ตำบลดอนจาน, ตำบลนาจำปา และตำบลเชียงเครือ อำเภอกมลาไสย และอำเภอดอนจาน โดยยื่นคำขอที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ และส่งต่อไปให้กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อทำเรื่องเสนอให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประกาศยกเลิกมาตรา 6 ทวิ วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.แร่ 2510 ในเขตพื้นที่ที่กำหนดให้เป็นเขตสำหรับดำเนินการสำรวจ การทดลอง การศึกษา หรือการวิจัยเกี่ยวกับแร่ได้เป็นกรณีพิเศษ เพื่อเปิดให้เอกชนสามารถยื่นคำขออาชญาบัตรเพื่อประกอบการเชิงพาณิชย์ และทำการผลิตแร่โปแตช ได้ “จากการติดตามข้อมูลล่าสุดพบว่ามีการยื่นคำขอในจ.กาฬสินธุ์ รวมทั้งในหลายพื้นที่ของภาคอีสานที่ได้มีการยื่นไปแล้ว ซึ่งเห็นได้ว่าจะมีเหมืองแร่โปแตชเต็มแผ่นดินอีสานไม่ว่าจะเป็น นครราชสีมา ขอนแก่น ชัยภูมิ สกลนคร อุดรธานี มหาสารคาม หนองคาย และยโสธร คิดเป็นเนื้อที่รวมกว่า 1.3 ล้านไร่ โดยจะส่งผลกระทบต่อคนอีสานทั้งภาค” นายสุวิทย์ กล่าว นายสุวิทย์กล่าวต่อว่า โดยเฉพาะในพื้นที่จ.อุดรธานี ที่กำลังอยู่ระหว่างการยื่นคำขอประทานบัตรเพื่อทำการผลิตแร่โปแตช ของบริษัท เอเชีย แปซิฟิค โปแตช คอร์ปอเรชั่น จำกัด (APPC) และชาวบ้านในพื้นที่คัดค้านต่อเนื่องอย่างหนัก แต่ก็ไม่ได้รับการแก้ไขจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง “คณะกรรมการที่อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ แต่งตั้งขึ้นมาเพื่อติดตามกระบวนการประทานบัตรก็ถูกฉีกทิ้งไปเมื่อเปลี่ยนอธิบดีคนใหม่ หรือแม้แต่ชาวบ้านขอเข้าพบเพื่อชี้แจงให้ข้อมูล กับผู้ว่าฯอุดร คนใหม่ก็ยังเมินเฉย” นายสุวิทย์กล่าวทิ้งท้าย ขณะเดียวกันในวันนี้ (22 พ.ย.) เวลาประมาณ 08.00 น. ชาวบ้านกลุ่มรักษ์บ้านเกิดจากพื้นที่ต.เขาหลวง อ.วังสะพุง จ.เลย ร่วมด้วยเครือข่ายประชาสังคมจังหวัดเลย และกลุ่มนักศึกษาเฝ้าติดตามผลกระทบจากการทำเหมืองแร่ จำนวนกว่า 400 คน ได้เดินทางไปที่ศาลาประชาคม องค์การบริหารส่วนจังหวัดเลย เพื่อคัดค้านการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสียในการกำหนดขอบเขตและแนวทางการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (ค.1) หรือพับลิค สโคปปิ้ง (Public scoping) ซึ่งเป็นขั้นตอนเริ่มต้นแรกสุดของการทำ EHIA เพื่อประกอบการขอประทานบัตรทำเหมืองแร่ทองคำส่วนขยายบนภูเหล็ก ตามคำขอประทานบัตรที่ 104/2538 ของบริษัททุ่งคำ จำกัด แต่ทว่าเวทีดังกล่าว ได้ถูกยกเลิกและเลื่อนไปจัดในวันที่ 21 ธันวาคม 2555 ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 5 แล้วที่มีการเลื่อน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าบริษัทฯ ได้จัดเตรียมกำลังมวลชนจากหลายอำเภอในจังหวัดเลย เพื่อจะมาปะทะขัดขวางกับกลุ่มชาวบ้านที่คัดค้านเหมืองไม่ให้เข้าร่วมและให้การจัดเวทีประสบความสำเร็จ หลังจากทราบข่าวการเลื่อนการจัดเวที กลุ่มชาวบ้าน เครือข่ายประชาสังคม และนักศึกษา จึงร่วมกันรณรงค์ให้ข้อมูลถึงผลกระทบจากการทำเหมืองแร่ทองคำ ให้กับประชาชนในเมืองเลยและผู้ที่สัญจรผ่านไปมา โดยน.ส.วัชราภรณ์ วัฒนขำ ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนเฝ้าระวังผลกระทบจากนโยบายการทำเหมืองแร่ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เหมืองแร่ทองคำ จ.เลย มีปัญหามาก ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของชาวบ้านในพื้นที่ โดยเฉพาะบ่อกักเก็บไซยาไนด์แตก จนกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่มีคำสั่งปิดเหมือง แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นอุทธรณ์ของบริษัทผู้ประกอบการ นอกจากนี้ก็ยังมีปัญหาโรงประกอบโลหะกรรมหมดอายุไปเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ผลการไต่สวนการรังวัดอันเป็นเท็จโดยระบุว่าพื้นที่ขอประทานบัตรทำเหมืองแร่ทองคำส่วนขยายบนภูเหล็กไม่มีบ่อน้ำสาธารณะ และไม่มีป่าสาธารณะประโยชน์ แต่ในข้อเท็จจริงพื้นที่ดังกล่าวเป็นแหล่งน้ำซำ น้ำซับ และมีป่าไม้อุดมสมบูรณ์ “บริษัทฯ อยู่ในสถานการณ์หลังชนฝา และถ้าหากจัดเวทีขึ้นก็เท่ากับเป็นการประจานความผิดพลาดของตนเอง อีกทั้งกลุ่มมวลชนที่เตรียมเอาไว้รวมทั้งเจ้าหน้าที่ของทางจังหวัดก็ต้องไปดูแลเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมืองที่จะมีขึ้นในวันที่ 24 พ.ย.นี้ เมื่อเห็นท่าจะเพลี่ยงพล้ำเขาจึงเลื่อนเวทีออกไป” น.ส.วัชราภรณ์กล่าว /-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/ นายเดชา คำเบ้าเมือง ศูนย์สื่อชุมชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ศสธ.) ตู้ปณ. 14 อ.เมือง จ.อุดรธานี 41000 โทรศัพท์ : 081-3696266 อีเมล์ : decha_61@yahoo.com ; huktin.ud@gmail.com

Contact Information

  • : มูลนิธิกองทุนไทย Thai Fund Foundation 2044/23 ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ บางกะปิ ห้วยขวาง กรุงเทพ 10310
  • : webmaster@thaingo.org
  • : 082 178 3849
  • : www.thaingo.in.th

Thai NGO

ข่าวสารสังคมนอกสื่อกระแสหลัก ข่าวสารความเคลื่อนไหว เกี่ยวกับเอ็นจีโอ ข่าวกิจกรรมเพื่อสังคม งานสัมนา สมัครงานเอ็นจีโอ ร้องเรียน แจ้งข่าว…ประนามประจาน !! ที่ได้รับความทุกข์ร้อนไม่เป็นธรรม