ดอกไม้บานร้อยดอก

1486 29 Mar 2021

ข้อดีของการได้เรียนมหาวิทยาลัย ( แม้ว่าจะเป็นมหาลัยตาดวิชาก็เถะ) มันทำให้เราได้ อ่านหนังสือดีๆ ได้พูดคุย พบปะ คนมีความรู้ แตกฉาน ได้ทำกิจกรรม เสริมสร้างทักษะทาง ความคิด วิเคราะห์ แยกแยะ ทำให้เรา ค่อยๆ มีคำสำคัญ ชี้นำความคิด ที่มีคุณค่า เป็นรากฐานชีวิตจนถึงปัจจุบัน
“ดอกไม้บ้านร้อยดอก” ทำให้เชื่อว่า สังคมมนุษย์บนโลกนี้ คนเราล้วนแต่คิด รู้สึก และเชื่อต่างกัน
”แสวงจุดร่วมสงวนจุดต่าง” ทำห้เราเรียนรู้ที่จะอยู่กับคนแตกต่างอย่าเคารพกันอย่างไร
“อุดมการณ์” ทำให้เรารู้ว่า การมีชีวิต ควรต้องมีปณิธานสูงสุดนำทาง
“ประชาธิปไตย” ทำให้เรา ปรารถนาระบอบ ระบบ สังคม วัฒนธรรม วิถีชีวิตทุกคนมีสิทธิ์เสรีภาพในการดูแลตัวเองอย่างถูกยอมรับกันและกัน
“ส้งคมนิยม” ทำให้เราได้รู้ว่า มันมีแนวความคิดอื่นๆ ที่อยากทำให้สังคมนั้นน่าอยู่ ตามแบบอื่นๆ
“วัฒนธรรมความเชื่อ” ทำให้เรารู้ว่า ชีวิตคนเรามีหลายอย่างหล่อหลอมให้เรามีวัตรปฏิบัติที่เป็นรากฐานของตัวเอง เพื่อให้อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข

“สันติภาพ” ความดีงามที่มนุษย์ถวิลหา การมีชีวิตที่ทำร้ายกัน

“รัฐฐะ”  องค์กร ที่มนุษ์สร้างขึ้นมา เพื่อดูแลความสงบสุข ของคนทั้งมด ภายใต้อาณาบริเวณประมาณหนึ่ง มีอำนาจมาก  แต่ไม่เคยสมบูรณ์แบบ หรือเสร็จสมบูรณ์

“การปฏิวัติ”  บ้างครั้ง คนเราก็ต้องเปลี่ยนแปลงแบบถอนราก  เพื่อไปสู่สิ่งใหม่ ที่เชื่อว่า จะดีขึ้นกว่าเดิม
“ระบอบ” เป็นกติการะหว่างผู้มีอำนาจกับประชาชน หรือ ประชาชนกับประชาชนร่วมกันกำหนด หรือ ผู้มีอำนาจกำหนดให้ ล้วนๆ

ฯลฯ ....

ในแทบทุกๆ วัน ที่ตื่นเช้ามา ผมต้องมานั่งนึก ทั้งเรื่องราวรอบตัว และเรื่องราวภายนตัว ที่เราไปรับรู้ ปะทะ ปฏิสังสรรค์เข้ามา การที่ครั้งหนึ่งในชีวิตเรา ได้ออกไปร่ำเรียน จริงๆ แล้ว ไม่ได้สูญเสีย หรือสูญเปล่า อย่างที่ใครมักพูดว่า “เรียนแล้วได้อะไร ?” เพราะสำหรับคนที่ขนขวาย หาอะไร ย่อมไม่มีคำว่า “สูญเปล่า” แต่ก็น่าตกใจ ที่ผมได้ พบเจอ คนรุ่นใหม่ๆ หรือแม้แต่คนรุ่นเก่าๆ ไม่น้อยเลย ที่ทำให้รู้สึกว่า “เรียนแล้วไม่ได้อะไร จริงๆ”  ว่างเปล่า ทั้งกับตัวเองและการมองโลกรอบตัว

สถานการณ์บ้านเมือง สถานการณ์โลก สถานการณ์ชีวิต ที่เราต่างประสบ แท้จริงไม่แตกต่าง คือ มีความเกี่ยวข้องกัน “เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว” เสมอๆ

ผมยังนั่งลงเขียน อะไรๆ ในทุกเช้า เพื่อคลี่คลาย บางอย่าง เหมือนการย่อย แยกแยะ ให้สติปัญญาเราเข้าใจ ว่าทำไม เพราะอะไร จากเหตุใด ฝึกการใช้เหตุและผล ไม่ใช่เอาความเชื่อตัดบท สรุปความ แต่ฝึกคิด ฝึกมองทุกแง่ ทุกมุม สำหรับนี่คือการรักษาความเป็นมนุษย์ในตัวเราให้สมบูรณ์แบบ ไม่มีวิถีใด หรืออาชีพใด สร้างสรรค์ให้เราสมบูรณ์แบบ มีแต่เราที่เพียรเจียระไน มุมมองให้ตนเอง

 

เป็นพระ เป็นครูอาจารย์ เป็นบัณฑิต เป็นกษัตริย์  เป็นผู้มีอำนาจ หรือเป็นเกษตรกร เป็นชาวบ้านธรรมดาๆ หากจมจ่อมในฐานะ ลาภยศ ตำแหน่ง จนละเลย การทบทวนไตร่ตรองความสำคัญของตนต่อหน้าที่ที่มีต่อมนุษย์ด้วยกัน และต่อความเป็นมนุษย์ของตนเอง  ก็ล้วนแต่เป็นมนุษย์ที่โง่เขลา ไม่รู้กาล ไม่รู้ปัจจุบัน เพราะความสำคัญไม่ได้อยู่ที่ฐานะว่าคุณเป็นอะไร แต่อยู่ที่คุณจัดวางตัวเองให้อยู่ตรงไหน ที่เป็นมนุษย์ที่ดีงาม ต่อมนุษย์ด้วยกันต่างหาก

เมื่อวาน หัวจิตหัวใจรื่นรมย์ มาก เปิดไวน์กระท้อน แช่เย็นๆ รินลงแก้วละเลียด กลิ่น และ กำซาบรส ทำให้พายุแห่งควมเดือดดาลกับโชคชะตาปากท้องสงบลง เหมือนท้องทะเล ที่นิ่งเงียบ สวยใสจะเห็นโขดหินปะการัง ใต้ก้นทะเลลึก หัวใจเราก็เช่นกัน

การขลุกอยู่กับเรื่องราวเมรัยที่หมักบ่ม นานปี ทำให้เรารู้ว่า รสชาติเมรัยไม่ได้อยู่ที่เมรัย แต่อยู่ที่หัวใจของผู้ที่จะดื่มร่ำมากกว่า !!

เช้านี้ แดดพิรี้พิไร อ้อยอิ่ง สาดแสงอุ่น และลมสอดรับ แผ่วเบา ... กลิ่นหอมชีวิต โชยมาฟะฟุ้ง ไปทั้งเช้า
ก่อนมาเป็นเกษตรกร วุ่นวนคนเดียวในไร่ ที่โอบล้อมไปด้วยใบไม้ใบหญ้าและทะเลน้ำค้าง ผมโชคดี จริงๆ ที่ครั้งหนึ่งได้เรียนมหาลัย อย่างน้อยๆ ได้ตักตวง ภาษา และถ้อยคำ มากมายมาครอบครองไว้กับตัว จนแทบจะเป็นคนหนึ่งที่รุ่มรวยถ้อยคำ แน่นอน เช้านี้ ผมจะหยิบขึ้นมาพรรณาถึงเมรัยรสเลิศของผมที่ชื่อ 
De Simone


 

 

โดย เกษตรกร ขบถ แห่ง ไร่ทวนลม

Contact Information

  • : มูลนิธิกองทุนไทย Thai Fund Foundation 2044/23 ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ บางกะปิ ห้วยขวาง กรุงเทพ 10310
  • : webmaster@thaingo.org
  • : 082 178 3849
  • : www.thaingo.in.th

Thai NGO

ข่าวสารสังคมนอกสื่อกระแสหลัก ข่าวสารความเคลื่อนไหว เกี่ยวกับเอ็นจีโอ ข่าวกิจกรรมเพื่อสังคม งานสัมนา สมัครงานเอ็นจีโอ ร้องเรียน แจ้งข่าว…ประนามประจาน !! ที่ได้รับความทุกข์ร้อนไม่เป็นธรรม