5747 12 May 2020
1 พ.ค. 63 เวลาประมาณ 13.00 น. ชาวบ้านกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดบำเหน็จณรงค์ ประมาณ 20 คน ได้เดินทาง ไปที่ สภ.หัวทะเล เพื่อแจ้งความเอาผิดกรณีการที่ตำรวจ สภ.หัวทะเล จำนวน 7 นาย มีการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย
สืบเนื่องจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 63 ชาวบ้านได้ร่วมกันอ่านแถลงการณ์ ‘ล็อคดาวน์เหมืองแร่ หยุดฉวยโอกาสให้สัมปทานเหมือง’ เพื่อเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องชะลอและหยุดกระบวนการพิจารณาในการอนุมัติ/อนุญาต รวมทั้งการดำเนินกิจกรรมในการสำรวจและการทำเหมืองแร่ของทั้งภาครัฐและภาคเอกชนทั้งหมดเอาไว้ก่อน จนกว่าจะยกเลิกการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อให้เกิดการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม และไม่ให้เป็นการซ้ำเติมประชาชนที่มีความเสี่ยงจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และยังต้องต่อสู้ปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของชุมชน
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินทางไปหาชาวบ้านหนึ่งในสมาชิกกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดบำเหน็จณรงค์ถึงทุ่งนาที่ชาวบ้านกำลังทำเกษตรกรรมอยู่ โดยมีตำรวจ 7 นาย เดินทางมาด้วยรถยนต์จำนวน 3 คัน ได้แก่ รถตู้ตำรวจ รถตำรวจตราโล่ และรถกระบะ isuzu สีขาว ซึ่งแต่งตัวเต็มยศ 5 นาย และนอกเครื่องแบบอีก 2 นาย ซึ่ง ด.ต.ธาร พุบขุนทด และพวก ได้เข้าไปหาชาวบ้านและพยายามบังคับข่มขู่ให้ชาวบ้านไป สภ.หัวทะเล ทั้งๆ ที่ไม่มีแสดงหมายเรียกและแจ้งข้อกล่าวหาใดๆ ก่อนแต่อย่างใด ทั้งยังมีการแย่งยึดโทรศัพท์จากชาวบ้านและทำการตรวจสอบคัดลอกข้อมูลจากโทรศัพท์ไปโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีการแจ้งหมายจากศาลให้ดำเนินการได้นั้น
ทำให้ชาวบ้านคนดังกล่าวเกิดความหวาดกลัวและหวั่นเกรงต่อความปลอดภัยในชีวิต จนต้องฝืนใจเดินทางไปกับตำรวจทั้ง 7 นายดังกล่าว ซึ่งระหว่างการเดินทางชาวบ้านก็ไม่ทราบเลยว่าจะนำตัวตนเองไปที่ สภ.หัวทะเล จริงหรือไม่ เพราะไม่ได้รับการชี้แจงใดๆ จากตำรวจ จนกระทั่งมาถึง สภ.หัวทะเล ตำรวจได้นำตัวชาวบ้านไปไว้ที่ สภ. หลังเก่าโดยยังไม่ได้ทำการสอบสวนใดๆ และมีการข่มขู่ชาวบ้านว่า ถ้าไม่พาชาวบ้านคนอื่นมาสอบสวนด้วย ตนเองจะติดคุกเพียงคนเดียว ใครก็ไม่สามารถช่วยเหลือได้ และบังคับให้พาไปหาชาวบ้านที่ร่วมแถลงการณ์คนอื่นๆ เพิ่มเติม จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปกว่า 2 ชั่วโมง ชาวบ้านคนดังกล่าวได้ร้องขอตำรวจให้คืนโทรศัทพ์ให้ จึงสามารถติดต่อไปทางญาติพี่น้องและสมาชิกกลุ่มฯ คนอื่นๆ ให้มาช่วยเหลือได้ในที่สุด
เวลาประมาณ 13.30 น. เมื่อชาวบ้านได้เดินทางไปถึง สภ.หัวทะเล ก็มีตำรวจออกมาต้อนรับและเข้ามาพูดคุยกับชาวบ้านเป็นอย่างดี โดยได้สอบถามว่า “ชาวบ้านมาทำอะไรกัน” โดยทางชาวบ้านได้แจ้งว่า “มาแจ้งความดำเนินคดีตำรวจปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและมีการข่มขู่คุกคามประชาชน” จากนั้นชาวบ้านได้เดินเข้าไปพบ ร.ต.อ.โยธิน เดือนกลาง ซึ่งปฏิบัติหน้าที่แทนร้อยเวร สภ.หัวทะเล ในขณะนั้น เพื่อขอแจ้งความในกรณีดังกล่าว
ซึ่งในระหว่างที่ชาวบ้านกำลังขอแจ้งความอยู่นั้น พ.ต.ท.มงคล แก้วโพธิ์ สารวัตรใหญ่ สภ.หัวทะเล ได้เดินเข้ามาหาชาวบ้านและยกมือไหว้พยายามขอโทษแทนลูกน้องที่ได้กระทำการอุกอาจต่อชาวบ้านแบบนั้น และตนเองได้กำชับลูกน้องไปแล้วว่าไม่ให้กระทำการแบบนี้อีกต่อไป และกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า จากที่ตรวจสอบดูคลิปก็ดูว่าชาวบ้านไม่มีความผิดอะไร และขอโทษแทนลูกน้องอีกครั้งด้วยที่กระทำการดังกล่าวไป และถ้าชาวบ้านต้องการอะไรหรือให้ทำอะไรก็ยอม พร้อมทั้งย้ำว่า ไม่มีใครสั่งการอยู่เบื้องหลังให้ทำแน่นอนและเป็นการทำไปตามหน้าที่ โดยตนเองจะรายงานกลับไปยังต้นสังกัดต่อไป
โดยทางชาวบ้านได้ยืนยันที่จะขอแจ้งความดำเนินคดีต่อ เนื่องจากเป็นการกระทำที่ร้ายแรงเกินกว่าจะรับได้และอาจจะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวอีกต่อชาวบ้านคนอื่นๆ จึงยืนยันที่จะขอแจ้งความเอาไว้ก่อน โดยชาวบ้านได้ยืนยันว่า การทำกิจกรรมเป็นเพียงการใช้สิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกต่อโครงการสำรวจและการทำเหมืองแร่ที่มีผลกระทบต่อชีวิตและชุมชน และเป็นการใช้สิทธิอย่างถูกต้องตามรัฐธรรมนูญในการปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของชุมชน รวมทั้งชาวบ้านคนดังกล่าวก็ได้รับความเสียหายจากการกระทำดังกล่าวของตำรวจด้วย ซึ่งชาวบ้านที่ถูกบังคับพาตัวมาเกิดความรู้สึกหวาดกลัว วิตกกังวล ต่อการใช้สิทธิและเสรีภาพ รวมทั้งกังวลต่อความปลอดภัยในการดำรงชีวิต และสูญเสียอิสรภาพจากการพาตัวมาโดยไม่รู้อะไรเลย นอกจากนี้สิ่งที่เสียหายที่สุด คือ ชื่อเสียงที่เรียกคืนมาไม่ได้ โดยการกระทำของตำรวจเปรียบเสมือนตนเองเป็นผู้ก่อการร้ายหรือทำผิดคดีอาชญากรรมร้ายแรง แต่ทว่าตนแค่อยากแสดงออกเพื่อปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของชุมชนเท่านั้น ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย เพราะเหมืองและโรงไฟฟ้ามันมีผลกระทบต่อชีวิตและชุมชน เรามีสิทธิตามรัฐธรรมนูญ พร้อมทั้งได้ยืนยันจะขอแจ้งความดำเนินคดีต่อไป
ซึ่งทาง พ.ต.ท.มงคล แก้วโพธิ์ ได้พยายามเข้ามาพูดคุยขอไกล่เกลี่ยและขอให้อย่าเพิ่งแจ้งความใดๆ และกล่าวว่า อยากให้เรื่องมันจบ เพราะตนเองก็โดนตำนิมาไม่น้อย และได้กำชับลูกน้องให้แล้ว แต่ทางชาวบ้านยังคงยืนยันจะขอแจ้งความเช่นเดิม จนกระทั่ง พ.ต.ท.มงคล แก้วโพธิ์ จึงสั่งให้ ร.ต.ท สุพจน์ เพียงกระโทก ตำรวจร้อยเวรรับแจ้งความให้กับชาวบ้าน
เวลาประมาณ 14.00 น. ร.ต.ต.ชัยมงคล นิลประทีปปรีชา หรือ ดาบใหญ่ ได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อหาชาวบ้านที่มา สภ.หัวทะเล และจะขอพูดคุยกับชาวบ้านเป็นการส่วนตัว โดยพยายามสอบถามถึงแกนนำชาวบ้านและถามว่าใครเป็นคนพามาแจ้งความ และพยายามขอคุยเจรจากับชาวบ้าน โดยชาวบ้านได้กล่าวว่า เราไม่มีใครเป็นแกนนำ เราเป็นชาวบ้านที่เดือดร้อนจากเหมืองแร่โปแตชและโรงไฟฟ้า เป็นผู้ได้รับผลกระทบ กลุ่มคือประชาชนทุกคน โดยตลอดเวลาที่ชาวบ้านกำลังให้การกับพนังงานสอบสวน พ.ต.ท.มงคล แก้วโพธิ์ ได้พยายามเข้ามาขอโทษและขอไกล่เกลี่ยกับชาวบ้านอยู่ตลอด แต่ชาวบ้านก็ยังคงยืนยันคำเดิมที่จะไม่ไกล่เกลี่ยเพราะสิ่งที่ทำมันเกินกว่าเหตุและไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
ทั้งนี้เวลาประมาณ 15.00 น. ได้มีตำรวจนายหนึ่งโทรศัพท์หาชาวบ้านสมาชิกกลุ่มฯ ที่ไม่ได้เดินทางมา สภ.หัวทะเล ด้วย และพยายามกล่าวว่า อยากจะขอไกล่เกลี่ยกับทางชาวบ้าน เพราะไม่อยากให้มันเป็นคดีความ โดยชาวบ้านได้ยืนยันว่า การมาแจ้งความในครั้งนี้เป็นมติของกลุ่มฯ เพราะไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเดิม จากการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจที่มีการข่มขู่คุกคามประชาชน
เวลาประมาณ 16.00 น. ชาวบ้านที่เดินทางมาติดตามสถานการณ์ด้วย ได้พยายามเข้าไปสอบถามการแจ้งความและการลงบันทึกประจำวันดังกล่าวกับทางตำรวจ เพราะเวลาได้ล่วงเลยไปมากแล้ว และเกิดความสงสัยกันว่า ทำไมการดำเนินการถึงล่าช้าขนาดนี้ เหมือนเป็นการถ่วงเวลาให้ใช้เวลานานกว่าปกติเกินไป
จนกระทั่งเวลา 17.12 น. ตำรวจร้อยเวรได้ทำบันทึกคำให้การผู้กล่าวหาแล้วเสร็จ และได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน โดยทางชาวบ้านได้ขอบันทึกประจำวันที่ได้มาแจ้งความร้องทุกข์ไว้ แต่ทาง ร.ต.ท สุพจน์ เพียงกระโทก ได้อ้างว่า ไม่สามารถให้ได้ โดยได้มีการโต้เถียงกันกับชาวบ้านเล็กน้อย ซึ่งชาวบ้านกล่าวว่า บันทึกประจำวันสามารถให้ได้ เป็นระเบียบตำรวจที่ต้องให้ และเมื่อวานนี้ที่ชาวบ้านได้มาลงบันทึกประจำวันก็ได้รับเอกสารบันทึกประจำวันด้วยเหมือนกัน ไม่เห็นว่าจะให้ไม่ได้แต่อย่างใด
และเวลาประมาณ 17.50 น. ชาวบ้านจึงได้รับเอกสารบันทึกประจำวันจากทางตำรวจร้อยเวร ซึ่งหลังจากนั้นชาวบ้านจึงได้เดินทางกลับ
24 Jan 2024
24 Jan 2024
30 Nov 2023
11 Feb 2024
11 Feb 2024
24 Jan 2024
30 Nov 2023
ข่าวสารสังคมนอกสื่อกระแสหลัก ข่าวสารความเคลื่อนไหว เกี่ยวกับเอ็นจีโอ ข่าวกิจกรรมเพื่อสังคม งานสัมนา สมัครงานเอ็นจีโอ ร้องเรียน แจ้งข่าว…ประนามประจาน !! ที่ได้รับความทุกข์ร้อนไม่เป็นธรรม