สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ค้านกรมศิลปากร หั่นพื้นที่โบราณสถานเขายะลา ทำเหมืองหินกระทบภาพเขียนสีพันปี

1207 19 Mar 2020

 

แถลงการณ์

สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน

เรื่อง ค้านกรมศิลปากร หั่นพื้นที่โบราณสถานเขายะลา ทำเหมืองหินกระทบภาพเขียนสีพันปี

...........................

          ตามที่อธิบดีกรมศิลปากรได้ลงนามออกประกาศแก้ไขเขตที่ดินโบราณสถานภาพเขียนสีเขายะลา ต.ลิดล - ต.ยะลา อ.เมืองยะลา จ.ยะลา ในวันสุดท้ายก่อนเกษียณอายุราชการ คือวันที่ 30 ก.ย.62 โดยลดพื้นที่จากกว่า 887 ไร่ ให้คงเหลือประมาณ 697 ไร่ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับโรงโม่หินเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง โดยอ้างปัญหาความมั่นคง-ลดความไม่สงบในพื้นที่จึงจำเป็นต้องมาอาศัยแห่งหินอุตสาหกรรมจากภูเขายะลานั้น

          การใช้อำนาจดังกล่าว มีข้อพิรุธและย้อนแย้งในตัวเองอยู่หลายประการ ซึ่งสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน มิอาจปล่อยให้เจ้าหน้าที่รัฐใช้อำนาจไปโดยอำเภอใจได้ ทั้งนี้เพราะ

          1)พื้นที่ภูเขายะลาเป็นแหล่งโบราณคดี ซึ่งมีภาพเขียนสียุคก่อนประวัติศาสตร์ที่สวยงาม และบ่งบอกถึงอารยะธรรมโบราณ ซึ่งมีอายุราว 1,200-1,500 ปีมาแล้วในสมัยศรีวิชัยซึ่งก่อนหน้านี้มีปรากฎอยู่ถึง 2 แหล่งรอบพื้นที่เขายะลา ถือได้ว่าเป็นมรดกสำคัญของคาบสมุทรภาคใต้และคาบสมุทรสยาม-มาเลย์อย่างยิ่ง และสำคัญมากต่อประวัติศาสตร์ของเมืองยะลาหรือเมืองยาลอมาแต่โบราณ แต่บางภาพได้พังทลาย และเสียหายจากการระเบิดหินในการประกอบอุตสาหกรรมเหมืองหินไปบ้างแล้ว

          2)การแก้ไขหรือหั่นเขตที่ดินโบราณสถานโดยเปิดโอกาสให้กับโรงโม่หินในการขอประทานบัตรระเบิดหินเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้างจำนวนกว่า 190 ไร่ มีปริมาณหินสำรองกว่า 33.54 ล้านเมตริกตัน มูลค่าหลายหมื่นล้านบาท โดยอ้างว่าพื้นที่จังหวัดยะลาและใกล้เคียงประสบปัญหาเกี่ยวกับแหล่งหินอุตสาหกรรม เพราะแหล่งหินหลายแห่งตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีปัญหาด้านความมั่นคง จึงจำเป็นต้องมาใช้แหล่งหินจากภูเขายะลาแทนนั้น เป็นเหตุผลที่ไร้น้ำหนักเนื่องจากปัจจุบันในจังหวัดยะลามีการขอประทานบัตรทำโรงโม่หินอยู่ถึง 9 โรงใน ต.ลิดล อ.เมืองยะลา และต.ตาเนาะแมเราะ อ.เบตง ต.บันนังสตา มีปริมาณหินสำรองมากถึง 634.45 ล้านเมตริกตัน มูลค่ากว่า 1.14 แสนล้านบาท มิได้ขาดแคลนตามอ้างแต่อย่างใด

          3)การลงนามแก้ไขเขตที่ดินโบราณสถาน เหตุใดจึงลงนามในวันสุดท้ายที่อธิบดีเกษียณอายุราชการ และเหตุใดจึงนำมาประกาศในราชกิจจานุเบกษาในวันที่ 26 ก.พ.63 ซึ่งมีระยะเวลานานถึง 5 เดือน ชี้ให้เห็นว่าจงใจที่จะปิดหูปิดตาประชาชนโดยไม่มีธรรมาภิบาลแต่อย่างใด อีกทั้งไม่มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเสียก่อนตามที่รัฐธรรมนูญ 2560 และกฎหมายกำหนด จึงเป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบด้วยกฎหมาย

          สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน จึงไม่อาจปล่อยให้เจ้าหน้าที่รัฐดังกล่าว ใช้อำนาจโดยย่ามใจได้ และจะเป็นแบบอย่างที่ไม่พึงประสงค์ต่อการบริหารราชการแผ่นดินที่ไม่คำนึงถึงเจตนารมณ์ของการตั้งกรมศิลปากรได้ โดยสมาคมฯจะนำความไปยื่นร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. เพื่อดำเนินการไต่สวน สอบสวน เอาผิดอดีตอธิบดีกรมศิลปากรคนดังกล่าวโดยจะเดินทางไปยื่นคำร้องในวันศุกร์ที่ 6 มี.ค.63 เวลา 10.30 น. ณ สำนักงาน ป.ป.ช. นนทบุรี และหลังจากนี้จะร่วมกับชาวยะลาดำเนินการยื่นฟ้องต่อศาลปกครองต่อไป

Contact Information

  • : มูลนิธิกองทุนไทย Thai Fund Foundation 2044/23 ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ บางกะปิ ห้วยขวาง กรุงเทพ 10310
  • : webmaster@thaingo.org
  • : 082 178 3849
  • : www.thaingo.in.th

Thai NGO

ข่าวสารสังคมนอกสื่อกระแสหลัก ข่าวสารความเคลื่อนไหว เกี่ยวกับเอ็นจีโอ ข่าวกิจกรรมเพื่อสังคม งานสัมนา สมัครงานเอ็นจีโอ ร้องเรียน แจ้งข่าว…ประนามประจาน !! ที่ได้รับความทุกข์ร้อนไม่เป็นธรรม