สวรรค์ของเด็กไร่ส้มวิทยา

3508 14 Sep 2018

คนหนุ่มสาวที่เคยฟุ้งไปด้วยไฟฝันการแสวงหาในยุคหนึ่ง น้อยคนนักที่ไม่รู้จัก “โครงการครูอาสา” ของ มูลนิธิกระจกเงา เชียงรายและแน่นอนรู้จักโครงการก็ต้องรู้จัก  ครูแอน หรือ นางสาวอรกัญญา สุขรัตน์ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รุ่นที่ 2 ที่สืบทอดงานครูดอยครูอาสามายาวนานตราบจนปีนี้  ที่ครูแอนผันบทบาทจากครูอาสา มาสู่ผู้ผลักดันโรงเรียนและสร้างแผนงานครูจริงๆ กับโครงการใหม่ในโลกการศึกษาทางเลือก “ศูนย์การเรียนรู้ไร่ส้มวิทยา” ซึ่งอยู่ที่ ต.แม่ข่า อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ไร่ส้มวิทยาเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับเด็กต่างด้าวที่มาเกิดหรือที่ติดตามพ่อแม่มาเป็นแรงงานในไร่ส้ม เป็นโรงเรียนที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเด็กด้อยโอกาสตามแนวตะเข็บชายแดน จริงๆ อีกโรงเรียนหนึ่ง  ทีมงาน ไทยเอ็นจีโอ ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ หญิงสาวนักพัฒนาอีกคนหนึ่ง

thaingo
อะไรทำให้หันมาสนใจ กิจกรรมศูนย์การเรียนไร่ส้มวิทยา

ครูแอน สิ่งที่ทำให้สนใจประเด็นการทำงานของศูนย์การเรียนไร่ส้มวิทยา คือความไม่รู้ที่ทำให้เกิดการท้าทายในใจตัวเอง เริ่มจากการทำหลักสูตรและยื่นจดศูนย์การเรียน  เราเริ่มกันจากศูนย์ คือ จากที่ไม่มีองค์ความรู้ด้านการทำหลักสูตรหรือแม้แต่การทำอะไรที่ข้องเกี่ยวกับการยื่นจดหลักสูตรการเรียน ยอมรับเลยว่าไม่มีประสบการณ์หรือความรู้ด้านนี้เลย  แต่สิ่งหนึ่งคือใจที่ไม่ยอมแพ้แม้ว่าเราจะด้อยประสบการณ์ และการได้ทำอะไรใหม่ ๆ นั้นหมายถึงโจทย์ที่ท้าทายเรา ที่เราต้องทลายและทำมันให้สำเร็จ แม้ว่าระหว่างทางจะต้องพบเจออะไรมากหมาย แต่ถ้าธงเราคือความสำเร็จ  มันก็จะเป็นแรงขับให้เราบรรลุเป้าหมายได้แบบไม่ยาก

และสิ่งที่เราได้เรียนรู้จากความไม่รู้ คือเราต้องรู้  กว่าจะถึงวันที่ยื่นหลักสูตรผ่าน  จดศูนย์การเรียนผ่าน  ทำให้เราต้องฝึกตนเองในการค้นหาข้อมูลที่เรายังไม่รู้  ศึกษาจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ เพื่อให้ได้รู้  ซึ่งเป็นผลดีมากเลยทีเดียว

 

Thaingo :  จากโครงการครูบ้านนอกหรือครูอาสาได้แนวคิดอะไรมาปรับใช้กับกิจกรรมในโรงเรียน หรือกับชีวิตบ้าง

​ครูแอน :  จากกิจกรรมโครงการครูบ้านนอกหรือครูอาสานะหรอ ได้นะ ได้แนวคิดมาปรับใช้กับกิจกรรมในโรงเรียน คือจิตวิทยาเด็ก  การทำงานกับเด็กที่เป็นกลุ่มเด็กข้ามชาติ กลุ่มลูกหลานแรงงานในสวนส้ม  ซึ่งถ้าเรามองข้ามความเป็นรัฐชาติ มองว่าเขาเหล่านั้นคือเด็ก  เขาเหล่านั้นต้องการครูต้องการการศึกษาที่มีคุณภาพ  เราจะทำงานกับเด็กกลุ่มนี้ได้อย่างไม่มีอะไรปิดกั้น  หลาย ๆ คนมีคำถามว่าทำไมไม่ช่วยเหลือคนไทยไม่ช่วยเด็กไทย  ไปช่วยทำไมคนต่างด้าว  บางครั้งคำถามเหล่านี้คนถามอาจจะไม่ต้องการคำตอบ  แต่เราในฐานะคนทำงานอยากให้คนเหล่านั้นเปิดใจและเอาใจมาใส่ในงานที่เราทำ เขาถึงจะได้พบคำตอบว่าเพราะอะไร  เพราะเด็กก็เท่ากับเด็ก ไม่ว่าจะเป็นเด็กชนชาติใด ภาษาใดก็ตามบนโลกใบนี้  อีกอย่างที่ได้นำความรู้มาปรับใช้คือการเข้าถึงชุมชน และการทำให้คนในชุมชนให้ใจเรา ซึ่งเป็นหลักสำคัญในการทำงานอีกประการหนึ่ง  ถ้าคนในชุมชนไม่ให้ความร่วมมือเราก็ไม่สามารถทำงานกับเด็ก ๆ ได้เช่นกัน  เพราะไม่มีใครปล่อยให้ลูกหลานตนเองมาคลุกคลีกับคนแปลกหน้าที่พ่อแม่ไม่ไว้ใจหรอก 

​ส่วนการนำมาปรับใช้กับชีวิตหรือครอบครัว  คือการสอนลูกเราไม่ให้ดูถูกคนที่ต่ำต้อยกว่า  เราใช้วิธีการพาเขาไปเรียนรู้งานที่เราทำเพื่อให้เนื้องานหล่อหลอมให้เขาเข้าใจบริบทงานของแม่และเข้าใจสภาพชุมชนที่มีความหลากหลาย  ความแตกต่างของคนในแต่ละพื้นที่  กว่าจะโตเขาจะต้องพบเจอสังคมอีกหลากหลายรูปแบบ  ถ้าเขาเข้าใจความเป็นคนเขาจะไม่ดูถูกใครแน่นอน

 thaingo :   โรงเรียนเป็นโรงเรียนทางเลือก อยากรู้ว่า ทางเลือกนั้น เป็นอย่างไร เด็กๆจะได้อะไรหลังจากจบออกไป
ครูแอน :     ปัจจุบันมีเด็กไร้รัฐ ไร้สัญชาติ ที่เป็นลูกของแรงงานข้ามชาติ    ที่อพยพย้ายถิ่นฐานเข้ามาเป็นแรงงานในไร่ส้มจำนวนมาก เด็กโตหลายคนไม่สามารถเข้าเรียนได้ตามเงื่อนไขอายุและเวลาเรียนที่ทางโรงเรียนรัฐทั่วไปกำหนดเนื่องเพราะบางช่วงเวลาเด็กโตต้องเป็นแรงงานเสริมช่วยครอบครัวในการทำงานในไร่ส้ม  ในขณะที่เด็กวัยเรียนอีกหลายคนต้องทำหน้าที่ดูแลน้องแทนพ่อแม่ที่ต้องไปทำงานในไร่   ดังนั้นในพื้นที่สวนส้มส่วนใหญ่จึงมีกลุ่มเด็กที่เป็นลูกของแรงงานข้ามชาติ กลุ่มเด็กชาติพันธุ์ที่ไม่มีสัญชาติไทย รวมถึงกลุ่มเด็กพิเศษที่ยังไม่ได้รับการศึกษาและไม่สามารถเข้าถึงระบบการศึกษาของรัฐได้ ด้วยระบบการศึกษาของรัฐในปัจจุบันมีหลักเกณฑ์และข้อจำกัดที่ไม่เอื้อต่อเด็กกลุ่มเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเกณฑ์อายุ กรอบเวลา และวิถีชีวิตที่เป็นอยู่ของเด็กและครอบครัว ส่งผลให้เด็กกลุ่มนี้มีคุณภาพชีวิตที่ต่ำ   เสี่ยงกับพิษภัยของสารเคมีที่เจ้าของไร่ให้ใช้เพื่อการดูแลสวนส้มเนื่องเพราะไม่สามารถอ่านข้อแนะนำหรือฉลากที่มีอยู่ตามตัวยาต่าง ๆ ที่ครอบครัวต้องคลุกคลีอยู่เป็นประจำ   แน่นอนว่าความไม่รู้หนังสือจะทำให้เด็กและครอบครัวอยู่บนความไม่ปลอดภัย ขาดโอกาส และสร้างวัฎจักรของความยากจนแร้นแค้น ถูกเอารัดเอาเปรียบ ถูกกดขี่ และการละเมิดสิทธิไม่มีที่สิ้นสุด 

มูลนิธิกระจกเงา ตระหนักว่า “เด็กทุกคนบนโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเป็นสัญชาติ ชาติพันธุ์ใด ควรได้รับโอกาสเข้าถึงการศึกษาขั้นพื้นฐาน อย่างเท่าเทียม และไม่เลือกปฏิบัติ” ดังเจตนารมณ์ของปฏิญญาสากล และอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก “เด็กทุกคน ควรจะต้องได้รับการคุ้มครองและการพัฒนา” จึงมีแนวคิดในการดำเนินการจดทะเบียนการจัดการศึกษาขั้นฐาน ภายใต้กฎกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยสิทธิขององค์กรชุมชนและองค์กรเอกชนในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานในศูนย์การเรียน พ.ศ. 2555 และเมื่อวันที่ 23 เดือนมีนาคม พ.ศ.2561  โดยสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 3 พิจารณาอนุมัติเห็นชอบในการจัดตั้งศูนย์การเรียนไร่ส้มวิทยา ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2 พ.ศ.2545 และฉบับที่ 3 พ.ศ.2553 และกฎกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยสิทธิองค์กรชุมชนและองค์กรเอกชนในการจัดการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานในศูนย์การเรียน พ.ศ.2555        ในนาม “ศูนย์การเรียนไร่ส้มวิทยา มูลนิธิกระจกเงา” โดยคาดหวังว่า

เด็กจะได้รับการดูแลและพัฒนาทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญาที่เหมาะสมในแต่ละช่วงวัย

เด็กจะได้มีประสบการณ์ที่หลากหลายจากการเรียน การเล่น การเรียนรู้ มีแหล่งเรียนรู้ที่สร้างสรรค์และปลอดภัย เพื่อกระตุ้นการเรียนรู้ตามวัยของเด็ก

เด็กจะได้รับการเรียนรู้ทางวัฒนธรรมและทักษะชีวิต เพื่อให้สามารถปรับตัวและดำรงชีวิตอยู่ร่วมกันในประเทศได้อย่างมีความสุข โดยสามารถดำรงอัตลักษณ์ของตนเองไว้ได้

เด็กมีคุณธรรม  จริยธรรม  เป็นคนดี รู้จักบาป บุญ คุณ โทษ ปฏิบัติและดำเนินชีวิตอย่างสอดคล้องตามหลักความเชื่อของศาสนาที่ตนนับถือ พร้อมทั้งเรียนรู้และเคารพความเชื่ออื่นที่แตกต่าง

ผู้ปกครองจะมีทางเลือกในการดูแลเด็ก หรือสนับสนุนให้เด็กได้รับการศึกษา จะมีสถานที่ปลอดภัยสำหรับเด็กๆ และประหยัดค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิต

ส่วนวัตถุประสงค์ของโรงเรียนเราก็มี หนึ่ง เพื่อส่งเสริมและพัฒนาศูนย์การเรียนรู้ให้สามารถจัดการเรียนการสอนให้กับเด็กได้อย่างเหมาะสม/สอดคล้องกับวิถีการดำรงชีวิตของผู้เรียน ครอบครัว และชุมชน ผ่านการบูรณาการทักษะความรู้เชิงวิชาการ ทักษะชีวิต ทักษะอาชีพ และทักษะทางสังคม อย่างมีประสิทธิภาพ  สอง ) เพื่อส่งเสริมให้ครอบครัวและชุมชน รวมถึงหน่วยงานในระดับท้องถิ่น ตระหนักถึงความสำคัญและมีส่วนร่วมต่อการจัดการศึกษาให้กับเด็ก ๆ  ในทุกกลุ่ม และ  สาม ) เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้คนในสังคมได้ตระหนักและเป็นส่วนหนึ่งของการเกื้อหนุนและแบ่งปันโอกาสทางการศึกษาให้กับเด็ก ๆ ชายขอบ 

Thaingo :  ทิศทางอนาคต คิดเห็น ว่าโรงเรียนไร่ส้มวิทยาจะเป็นอย่างไร

​ครูแอน :   ทิศทางในอนาคต ตามเป้าของเราเองที่วาดฝันกันไว้ คือ การพัฒนาตนเองของเด็ก คือเด็กสามารถพัฒนาตนเองให้มีคุณภาพชีวิตได้  เรามีหลักสูตรที่เป็นต้นแบบการศึกษาทางเลือก  เราฝันว่าเด็กๆ ต้องเติบโตอย่างสวยงามในอนาคต ค่ะ

Thaingo  :   งานแบบนี้ดูเหนื่อยนะ ถามจริงๆ เคยอยากหยุดพักบ้างไหม ทำไม ?

​ครูแอน  :   ถามว่าอยากหยุดพักบ้างไหม ตอบว่าไม่มีเลยก็คงไม่ใช่  ก็มีบ้างที่อยากไปแสวงหาที่ใหม่ ๆ เพื่อเปิดประสบการณ์ให้ตนเอง  แต่ไม่ใช่การลาออกนะ  แต่เป็นการไปเติมพลังเพื่อแสวงหาความรู้ในประเด็นที่น่าสนใจในด้านต่าง ๆ จากที่ใหม่ ๆ หรือแหล่งความรู้ใหม่ ๆ เพื่อเป็นการเติมไฟเติมพลังให้เราเอง  คนเราทำงานนาน ๆ ไฟในงานเริ่มมอด เราก็ต้องหาพลังมาเติมไฟในตัวเพื่อเก็บพลังเหล่านั้นมาปล่อยในงานที่เราทำ  ถามว่าอยากหยุดไหม  ตอนนี้ยังค่ะ กำลังสนุกเพราะงานที่เราทำบนพื้นฐานที่เราไม่ถนัดมันท้าทายดีค่ะ  อะไรที่เข้ามาท้าทายและเราเอาชนะมันได้ถือว่าสุขสุดแล้ว แต่อนาคตไม่แน่นะอาจจะไปนั่งคุยกับต้นไม้เป็นเกษตรกร  หรือทำธุรกิจเล็ก ๆ ก็อาจเป็นได้แต่ไม่ใช่เวลานี้เพราะไฟยังมีเหลือล้นกับงานด้านนี้ค่ะ

......................

 

ปัจจุบันครูแอน หรือ นางสาวสุขรัตน์ อรกัญญา เป็นเจ้าหน้าที่ในตำแหน่ง เจ้าหน้าที่โครงการสร้างเสริมความเข้มแข็งของการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน มูลนิธิกระจกเงา  และครูอาสาส่วนงานธุรการ ศูนย์การเรียนไร่ส้มวิทยา


.

อัฏธิชัย  ศิริเทศ  รายงาน

Contact Information

  • : มูลนิธิกองทุนไทย Thai Fund Foundation 2044/23 ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ บางกะปิ ห้วยขวาง กรุงเทพ 10310
  • : webmaster@thaingo.org
  • : 082 178 3849
  • : www.thaingo.in.th

Thai NGO

ข่าวสารสังคมนอกสื่อกระแสหลัก ข่าวสารความเคลื่อนไหว เกี่ยวกับเอ็นจีโอ ข่าวกิจกรรมเพื่อสังคม งานสัมนา สมัครงานเอ็นจีโอ ร้องเรียน แจ้งข่าว…ประนามประจาน !! ที่ได้รับความทุกข์ร้อนไม่เป็นธรรม